จีนอพยพประชาชนกว่า 70,000 คนออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมตอนกลางของประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ก.ค.) พร้อมปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากฝนพันปีที่ถล่มมณฑลเหอหนานนานเกือบสัปดาห์เป็นอย่างน้อย 33 คน นอกจากนี้ยังมีการยกระดับการเตือนภัยพายุใน 4 เมืองทางด้านเหนือของมณฑลนี้
จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวรวมถึงผู้โดยสาร 12 คนบนขบวนรถไฟใต้ดินในเมืองเจิ้งโจวที่ถูกน้ำท่วมเมื่อคืนวันอังคาร (20)
เจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนานและเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายที่สุดเมื่อวันอังคาร (20) ล่าสุดท้องฟ้าเริ่มสดใส แม้น้ำยังท่วมสูงถึงระดับเอวเป็นอย่างน้อย และถนนในหลายพื้นที่ยังจมน้ำก็ตาม
ทีมกู้ภัยใช้แพยางช่วยนำประชาชนไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่ชาวบ้างบางคนลุยน้ำขนของออกจากบ้าน หรือรอความช่วยเหลืออยู่บนหลังคารถที่จมน้ำครึ่งคัน
สัปดาห์นี้ เจิ้งโจวกลายเป็นศูนย์กลางสภาพอากาศเลวร้ายสุดขั้วในบริเวณตอนกลางของจีน โดยมีฝนตกหนักวัดปริมาณน้ำฝนสะสมได้ถึง 617.1 มิลลิเมตรระหว่างวันเสาร์ถึงวันอังคาร (17-20) หรือเกือบเท่ากับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดทั้งปีของเมือง ซึ่งอยู่ที่ 640.8 มิลลิเมตร และนักอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นระบุว่า เป็นระดับที่เคยเกิดขึ้นครั้งเดียวเท่านั้นในรอบ 1,000 ปี
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองยังจมน้ำ และพืชพันธุ์ถูกทำลายจากสภาพอากาศเลวร้าย โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ 189 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน สำนักงานพยากรณ์อากาศของมณฑลเหอหนาน ประกาศยกระดับการเตือนภัยพายุเป็นระดับ 4 ที่เป็นระดับสูงสุดสำหรับ 4 เมืองทางด้านเหนือ ได้แก่ ซินเซียง อันหยาง เฮ่อปี้ และเจียวจั๋ว
วันพฤหัสฯ ขณะที่พายุเคลื่อนตัวไปทางเหนือ ประชาชนกว่า 73,000 คนอพยพออกจากเมืองอันหยางที่มีชายแดนติดกับมณฑลเหอเป่ย โดยเมืองนี้มีฝนถล่มวัดปริมาณน้ำฝนได้กว่า 600 มิลลิเมตรตั้งแต่วันจันทร์ (19)
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนในเหอเป่ยตอนที่พายุทอร์นาโดถล่มเมืองเป่าติ้งเมื่อวันพุธ (21)
ซินหัวรายงานว่า ซินเซียง ซึ่งเป็นเมืองทางเหนือของเจิ้งโจว วัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 812 มิลลิเมตรระหว่างวันอังคารถึงวันพฤหัสฯ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของเมือง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 7 แห่งมีน้ำเอ่อล้นสู่หมู่บ้านและเมืองใกล้เคียง
เหตุรถไฟใต้ดินเจิ้งโจวจมน้ำและทำให้มีผู้เสียชีวิตกระตุ้นให้รัฐบาลสั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นปรับปรุงการควบคุมน้ำท่วมระบบขนส่งในเมืองและมาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทันที
(ที่มา: รอยเตอร์)