อังกฤษประกาศแผนส่งเรือรบ 2 ลำเข้ามาประจำการอย่างถาวรในน่านน้ำแถบเอเชีย หลังจากที่เรือบรรทุกเครื่องบิน “เอชเอ็มเอส ควีน เอลิซาเบธ” และกองเรืออารักขา จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.นี้
แผนการเยือนแดนปลาดิบของกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีเมืองผู้ดีสะท้อนถึงการยกระดับความร่วมมือในด้านความมั่นคงระหว่างทั้ง 2 ชาติ หลังจากที่ญี่ปุ่นแสดงความกังวลเรื่องที่จีนเริ่มใช้มาตรการแข็งกร้าวยิ่งขึ้นในการอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองดินแดนและน่านน้ำพิพาท โดยเฉพาะในกรณีของไต้หวัน
“หลังจากที่กองเรือบรรทุกเครื่องบินไปเยือนญี่ปุ่น สหราชอาณาจักรจะมอบหมายให้เรือรบ 2 ลำประจำการอยู่ในภูมิภาคดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้” เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุในคำแถลงร่วมกับโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น
คิชิ เผยว่า เมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้ว เรือบรรทุกเครื่องบินควีนเอลิซาเบธ และกองเรืออารักขาจะแยกกันไปจอดเทียบท่าที่ฐานทัพเรือต่างๆ ของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นซึ่งมีกระจัดกระจายอยู่ตามแนวชายฝั่ง
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมากล่าวชื่นชม “ความตั้งใจของรัฐบาลอังกฤษที่จะเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรและหุ้นส่วน ซึ่งต่างให้ความร่วมมือและสนับสนุนเสรีภาพในการเดินเรือ รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก”
ญี่ปุ่นถือเป็นชาติที่มีกองกำลังอเมริกันประจำการอยู่มากที่สุดนอกผืนแผ่นดินสหรัฐฯ รวมไปถึงเรือรบ เครื่องบิน และนาวิกโยธินอีกหลายพันนาย
สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินควีนเอลิซาเบธซึ่งจะมีฝูงบินขับไล่ F-35B ประจำการอยู่ด้วยนั้น จะเข้าจอดเทียบท่าที่เมืองโยโกสุกะ ซึ่งเป็นฐานบัญชาการกองเรือของญี่ปุ่น รวมถึงเป็นที่จอดของเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำเดียวของสหรัฐฯ ที่ถูกวางกำลังในพื้นที่ส่วนหน้า (forward deployed)
อย่างไรก็ตาม โฆษกสถานทูตอังกฤษประจำกรุงโตเกียวยืนยันว่า อังกฤษไม่มีแผนที่จะเข้ามาตั้งฐานทัพเรือถาวรในญี่ปุ่น
เรือบรรทุกเครื่องบินควีนเอลิซาเบธ จะเดินทางเยือนแดนอาทิตย์อุทัยพร้อมด้วยหมู่เรืออารักขาซึ่งประกอบด้วย เรือพิฆาต 2 ลำ เรือฟริเกต 2 ลำ เรือสนับสนุน 2 ลำ รวมถึงเรือของสหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ โดยจะล่องผ่านทะเลจีนใต้เข้ามายังญี่ปุ่น
รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษซึ่งไปเยือนญี่ปุ่นพร้อมด้วยคณะผู้บัญชาการทหาร ยังระบุด้วยว่า สหราชอาณาจักรมีแผนที่จะส่ง Littoral Response Group ซึ่งเป็นหน่วยนาวิกโยธินที่ได้รับการฝึกเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษ เช่น การอพยพประชาชนหรือต่อต้านก่อการร้าย เข้ามาประจำการในเอเชียเป็นลำดับถัดไป
ที่มา : รอยเตอร์