แผนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการยกเลิกข้อจำกัดสกัดโควิด-19 เกือบทั้งหมดในสหราชอาณาจักร เป็นการตัดสินใจที่ขาดความยั้งคิดและไม่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จากคำเตือนของบรรดาผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นถึงขั้นระบุว่า มันเทียบเท่ากับการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ระบุในสัปดาห์นี้ว่า "มีความเป็นไปได้อย่างสูง" ที่สถานการณ์เลวร้ายสุดของโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้จบลง ในขณะที่เขาเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจในวันจันทร์ (19 ก.ค.) แม้การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตากำลังหลุดจากการควบคุม
จอห์นสัน บอกว่า สหราชอาณาจักรสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้ง เพราะว่าเวลานี้ประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 2 ใน 3 ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว แต่ คริส วิทตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ เตือนว่า อัตราการติดเชื้ออยู่บนเส้นทางของการไต่ขึ้นแตะระดับที่น่ากลัวอย่างมาก
ส่วนบรรดานักวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศรายอื่น ในนั้นรวมถึงคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลชาติอื่นๆ ต่างใช้คำพูดที่ดุเดือดต่อนโยบายของจอห์นสัน "ที่ผมเขียนนี้ ด้วยที่ผมเชื่อว่ายุทธศาสตร์ภูมิคุ้มกันหมู่คือการฆาตกรรมอย่างแท้จริง" วิลเลียม ฮาเซลไทน์ นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐฯ กล่าวหลังประชุมฉุกเฉินกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแผนของสหราชอาณาจักร
ฮาเซลไทน์ ระบุว่า ด้วยเป้าหมายคือภูมิคุ้มกันหมู่ นั่นเท่ากับว่าพวกเขากำลังเดินตามนโยบายหนึ่งซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่ามันจะนำมาซึ่งการเสียชีวิตของประชาชนหลายพันคน "มันเป็นนโยบายแห่งหายนะ" เขากล่าว
สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวันสูงที่สุดในรอบกว่า 6 เดือนในวันศุกร์ (16 ก.ค.) หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 51,870 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 48,553 รายในวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วง 28 วันหลังจากมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกนั้น อยู่ที่ 49 ราย ลดลงจากระดับ 63 รายของวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.)
จากนั้นในวันเสาร์ (17 ก.ค.) สหราชอาณาจักรรายงานผู้ติดเชื้อทุบสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือนอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 54,674 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วง 28 วันหลังจากมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ลดลงมาอีกเหลือ 41 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของสหราชอาณาจักรจนถึงวันเสาร์ (17 ก.ค.) อยู่ที่ 128,683 ราย
จากข้อมูลพบว่า มีประชากรวัยผู้ใหญ่ของสหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 67.5% ส่วนที่ฉีดแล้วอย่างน้อย 1 เข็มมี 87.6% โดยคนส่วนใหญ่ที่ยังได้รับวัคซีนนั้นได้แก่เยาวชน ซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาตให้เข้าถึงวัคซีนเมื่อไม่นานที่ผ่านมา
รัฐบาลอังกฤษโต้แย้งว่าพวกเขาไม่ได้เดินตามนโยบายภูมิคุ้มกันหมู่ปล่อยให้ตัวกลายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาด แต่ยอมรับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจพุ่งแตะระดับ 100,000 คนต่อวันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งก่อความตึงเครียดแก่โรงพยาบาลต่างๆ เพิ่มเติม
นับตั้งแต่วันจันทร์ (19 ก.ค.) เป็นต้นไป รัฐบาลจะยกเลิกข้อจำกัดเกือบทั้งหมดในด้านการรวมตัวของประชาชนในอังกฤษและอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ อย่างเช่นไนต์คลับกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง
มาตรการบังคับสวมหน้ากากและทำงานจากบ้านจะถูกยกเลิก ด้วยจอห์นสันจะสนับสนุนแนวทางใหม่ ยกให้เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล แม้อีกด้านหนึ่้งเขาเรียกร้องประชาชนให้ยังคงอยู่ในความระมัดระวังอย่างที่สุด
ศาสตราจารย์กาเบียล สคัลลี จากมหาวิทยาลัยบริสตอล เตือนว่า จอห์นสันกำลังดำเนินนโยบายปล่อยให้ไวรัสแพร่กระจายเชื้อสู่ประชาชน "ทำให้ประชาชนล้มป่วย และปล่อยให้พวกเขาตาย"
"แนวทางของรัฐบาลในการยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ ในตอนนี้ ก่อนระลอกการแพร่ระบาดโรคระบบทางเดินหายใจในช่วงฤดูหนาวจะคืบคลานเข้ามา มันเป็นการไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและเป็นความโง่เขลาทางระบาดวิทยา" เขากล่าว
รัฐบาลของสกอตแลนด์และเวลส์เป็นผู้กำหนดนโยบายสาธารณสุขของตนเอง และจะคงข้อบังคับสวมหน้ากากตามสถานที่ปิดต่างๆ ไว้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตามร้านค้าหรือระบบขนส่งมวลชน ขณะที่ไอร์แลนด์เหนือดูเหมือนจะตัดสินใจตามนี้เช่นกัน
(ที่มา : อัลจาซีราห์)