ทหารสหรัฐฯ ในซีเรียถูกเล่นงานด้วยจรวดในวันจันทร์ (28 มิ.ย.) แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นการแก้แค้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอเมริกาถล่มกลุ่มนักรบพันธมิตรของอิหร่านในซีเรียและอิรักเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังอเมริกาตอบโต้กลับเหตุยิงจรวดเข้ามาหลายลูก ด้วยการยิงเข้าใส่ที่ตั้งต่างๆ ในการปกป้องตนเอง “ไม่มีใคร (ทหารสหรัฐฯ) ได้รับบาดเจ็บและอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย” นาวาเอก เวย์น มารอตโต กล่าว แต่เขาไม่ได้ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีทหารสหรัฐฯ ในครั้งนี้
แหล่งข่าวในเดอีร์ อัล-ซอร์ ทางตะวันออกของซีเรีย บอกว่า กลุ่มนักรบที่อิหร่านหนุนหลังเป็นคนยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่พื้นที่ใกล้เคียงบ่อน้ำมันอัล โอมาร์ ซึ่งควบคุมโดยกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน
เหตุยิงจรวดแก้แค้นในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายและข้อจำกัดในแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ ในการควบคุมกลุ่มนักรบทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของอิหร่าน ที่วอชิงตันกล่าวโทษว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโดรนล้ำสมัยโจมตีบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายเล่นงานบุคลากรและฐานที่มั่นต่างๆ ของสหรัฐฯ ในอิรัก
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และทำเนียบขาว เพิ่งออกมาปกป้องปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอเมริกาในอิรักและซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) ว่าเป็นหนทางสยบความเสี่ยงความขัดแย้ง “เราใช้มาตรการที่จำเป็น เหมาะสมและรอบคอบ ที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย แต่ขณะเดียวกันก็ส่งสารแห่งการป้องปรามอย่างชัดเจนและไม่คลุมเครือ”
เหล่ากลุ่มนักรบอิรักที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่านแพร่ถ้อยแถลงในนามของสมาชิก 4 กลุ่มแห่งกาตาอิบ ไซย์ยิด อัล ชูฮาดา (Kataib Sayyid al-Shuhada) ระบุว่า มีนักรบของพวกเขาเสียชีวิตในเหตุโจมตีตามแนวชายแดนซีเรีย-อิรัก และประกาศแก้แค้น อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ยิงจรวดถล่มทหารสหรัฐฯ ในเหตุการณ์ล่าสุด
รัฐบาลอิรัก ซึ่งแสดงความกังวลว่ากำลังถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอเมริกาในดินแดนของพวกเขา และบอกว่ากำลังศึกษาทางเลือกทางกฎหมายทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำรอย ขณะที่ซีเรียประณามปฏิบัติการโจมตีว่าเป็นการละเมิดดินแดนของซีเรียและอิรักอย่างโจ่งแจ้ง
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) ไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกคำสั่งโดยรัฐบาลปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกภายใต้คำบัญชาของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยคราวนั้นเป็นการโจมตีที่ตั้งแห่งหนึ่งในซีเรียที่ถูกใช้งานโดยพวกนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน 2 กลุ่ม เพื่อเป็นการตอบโต้เหตุยิงจรวดโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาค
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 รายเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์สโดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนเมษายนกลุ่มนักรบที่อิหร่านสนับสนุนได้ปฏิบัติการใช้โดรนโจมตีที่ตั้งที่ใช้งานโดยกองทัพสหรัฐฯ และบุคลากรทางทหารของพันธมิตรในอิรักมาแล้วอย่างน้อย 5 ครั้ง
รอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังหาช่องทางความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่อิหร่านทำไว้กับบรรดาชาติมหาอำนาจ และปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าไบเดนมีเป้าหมายโจมตีเพื่อป้องกันตนเอง แต่ก็จะเดินหน้าประสานงานทางการทูตกับอิหร่านไปพร้อมๆ กัน
เจน ซากี เลขานุการสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ระบุว่า อิหร่านเป็นตัวแสดงที่เลวในภูมิภาค สนับสนุนพฤติกรรมแห่งปัญหา อย่างไรก็ตาม เธอปกป้องการทาบทามยื่นมือของทางทูตของสหรัฐฯ ว่าเป็นหนทางแห่งการปฏิเสธและป้องปรามไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีไบเดนระบุว่า อิหร่านไว้ใจไม่ได้ และชี้ว่าเหตุโดรนโจมตีคือหลักฐานยืนยันเพิ่มเติมว่าอิหร่านและนักรบตัวแทนของพวกเขาจะไม่มีวันยอมรับการปรากฏตัวของทหารสหรัฐฯ ในอิรักหรือซีเรีย
ด้านอิหร่านเรียกร้องสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงก่อวิกฤตในภูมิภาค “แน่นอนว่าสิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำมันก่อความวุ่นวายด้านความมั่นคงในภูมิภาค และหนึ่งในเหยื่อของความปั่นป่วนนี้จะเป็นสหรัฐฯ เอง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุในวันจันทร์ (28 มิ.ย.)
(ที่มา : รอยเตอร์ส)