ไบเดนเจอปัญหามากมายภายในประเทศ ทั้งแผนการของบประมาณใช้จ่ายก้อนมหึมาไม่คืบหน้า แถมถูกกล่าวหาว่า ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่ง มิหนำซ้ำคะแนนนิยมยังร่วง หลังกลับจากการเยือนยุโรปเพื่อฟื้นสถานะผู้นำโลกของอเมริกา
“แผนสร้างงานสำหรับอเมริกันชน” ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ของบประมาณอัดฉีดโครงการโครงสร้างพื้นฐานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ถูกพรรครีพับลิกันขัดขวางมาโดยตลอด อีกทั้งปรากฏว่าระหว่างที่ไบเดนประชุมซัมมิตกับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่เจนีวาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสมาชิก 21 คน ที่ประกอบด้วยรีพับลิกัน 11 คน และเดโมแครต 10 คน ได้ร่วมกันเสนอร่างข้อเสนอใหม่ที่ตัดงบลงเกือบครึ่งเหลือแค่ให้ใช้จ่าย 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 8 ปี
หลัง แอร์ฟอร์ซวัน เครื่องบินประจำตำแหน่งของเขาลงจอดในสหรัฐฯ ไบเดนยังพบว่า คะแนนนิยมของตัวเองจากการสำรวจของมหาวิทยาลัยมานมัธ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วลดลง 6% จากเดือนเมษายน มาอยู่ที่ 48% และเป็นครั้งแรกที่ได้คะแนนต่ำกว่าระดับ 50% ในโพลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ นอกจากนั้น ยังพบว่า จำนวนผู้สนับสนุนเดโมแครตที่คิดว่า ประเทศ “เดินมาถูกทางแล้ว” ยังหล่นฮวบจาก 83% อยู่ที่ 59%
นโยบายอื่นๆ ของไบเดนขลุกขลักพอกัน โจ แมนชิน ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกสายอนุรักษนิยมเข้มข้นที่สุดในพรรคเดโมแครต ขวางร่างกฎหมายสิทธิการเลือกตั้งที่ไบเดนสนับสนุน ขณะที่ร่างกฎหมายปฏิรูปตำรวจที่ตั้งชื่อตามชื่อจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวในมินนิอาโปลิส ใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิต ยังคงไม่ผ่านความเห็นชอบในสภา
นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าข้อเสนอที่จะใช้งบประมาณอีกก้อนหนึ่งมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในแผนการสำหรับครอบครัวอเมริกันชนที่มุ่งเน้นการศึกษา การเลี้ยงดูบุตร และการลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัวโดยได้รับค่าตอบแทน จะมีความคืบหน้าเมื่อไร
ไบเดนยังเผชิญเสียงวิจารณ์มากขึ้นหลังมอบหมายให้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จัดการวิกฤตพรมแดนเม็กซิโกตั้งแต่เมื่อเกือบ 3 เดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานควบคุมชายแดนของอเมริกาพบผู้ลักลอบข้ามแดนกว่า 180,000 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ และเพิ่มขึ้น 76% นับจากเดือนกุมภาพันธ์
สมาชิกรีพับลิกันในรัฐสภาหลายสิบคนทำจดหมายถึงไบเดนขอให้มอบหมายภารกิจนี้ให้คนอื่น เนื่องจากแฮร์ริส ยังไม่เคยแม้แต่เดินทางไปตรวจสถานการณ์บริเวณพรมแดน
ขณะเดียวกัน รอนนี่ แจ็กสัน อดีตแพทย์ทำเนียบขาวในคณะบริหารชุดที่แล้วของโดนัลด์ ทรัมป์ และปัจจุบันเป็น ส.ส.จากรัฐเทกซัส เรียกร้องให้ไบเดนเข้าทดสอบความสามารถด้านสติปัญญาโดยบอกว่า ผลงานของไบเดนที่ยุโรป “น่ากระอักกระอ่วน” เขายังส่งจดหมายถึงไบเดน ระบุว่า ประชาชนควรได้รับรู้ว่า ผู้นำสูงสุดที่พวกเขาเลือกตั้งมามีความสามารถด้านสติปัญญามากน้อยแค่ไหน
เวลานี้ยังมีเสียงเตือนว่า แผนการใช้จ่ายของรัฐบาลที่หลายคนมองว่าฟุ่มเฟือยทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป ซึ่งจะยิ่งทำให้ไบเดนผลักดันร่างกฎหมายการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานได้ยากขึ้นอีก
เวลานี้ราคาน้ำมันเบนซินในหลายพื้นที่ของอเมริกาทะยานทะลุ 3 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเป็นสถิติสูงสุดนับจากปี 2008
ขณะที่รีพับลิกันและเดโมแครตถกเถียงกันเรื่องแผนใช้จ่ายของไบเดน เป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา ก็อยู่ภายใต้การคุกคามเช่นเดียวกัน
ร่างงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานฉบับประนีประนอมซึ่งเสนอโดยรีพับลิกันนั้น ครอบคลุมการใช้จ่ายสำหรับถนนและสะพาน 110,000 ล้านดอลลาร์ การขยายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต 65,000 ล้านดอลลาร์ และการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ 48,000 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ครอบคลุมแผนการส่งเสริมพลังงานสะอาดของเดโมแครต
ร่างงบประมาณฉบับประนีประนอมนี้ มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากเดโมแครตทั้ง 50 คนและรีพับลิกัน 11 คน ซึ่งรวมถึงมิตต์ รอมนีย์ ดังนั้น จึงน่าจะได้คะแนนโหวตถึง 60 คะแนน ที่ลงมติขอปิดอภิปรายได้ ซึ่งจะทำให้รีพับลิกันส่วนที่ไม่เห็นด้วย ไม่สามารถใช้กลวิธีเตะถ่วงได้โดยวิธีขออภิปรายลากยาวไปเรื่อยๆ
เฉพาะเดโมแครตเองนั้น อาจมีความพยายามผลักดันร่างงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานของตนโดยไม่ยอมประนีประนอมเลย เนื่องจากสองพรรคครองที่นั่งในสภาสูงเท่ากัน 50-50 ที่นั่ง และรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ซึ่งเป็นประธานวุมิสภาโดยตำแหน่ง มีสิทธิโหวตชี้ขาด
อย่างไรก็ดี แมนชิน วุฒิสมาชิกเดโมแครตจากเวสต์เวอร์จิเนีย ประกาศแล้วว่า จะไม่สนับสนุนแผนการที่ไม่มีวุฒิสมาชิกรีพับลิกันโหวตให้เลย ดังนั้น จึงมีโอกาสที่เดโมแครตจะแพ้ด้วยคะแนน 49 ต่อ 50 โดยที่ประธานแฮร์ริส ไม่สามารถทำอะไรได้
(ที่มา : เทเลกราฟ, เอเจนซีส์)