วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายใหม่ ทุ่มงบประมาณกว่า 170,000 ล้านดอลลาร์ ในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อแข่งขันกับจีน รวมทั้งมีบทมาตราในลักษณะมุ่งเล่นงานแดนมังกรอีกหลายเรื่อง ทางด้านปักกิ่งแสดงปฏิกิริยาโกรธเกรี้ยว กล่าวหาอเมริกาหวาดระแวงจ้องเอาชนะและหมกมุ่นกับแนวคิดสงครามเย็น
ความต้องการในการรับมือกับจีนด้วยความแข็งกร้าว ทำให้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยอมละวางความขัดแย้งชั่วคราว โดยในวันอังคาร (8 มิ.ย.) วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนน 68-32 รับรองร่างกฎหมายนวัตกรรมและการแข่งขันของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการจัดสรรงบประมาณกว่า 170,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสร้างเทคโนโลยีและการวิจัยของประเทศ นอกจากนั้น ยังจะอนุมัติงบประมาณแยกต่างหากอีก 54,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงงบประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะจัดสรรสำหรับการผลิตชิปที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ที่กำลังขาดแคลนอย่างหนักและทำให้ค่ายรถต้องพากันลดกำลังผลิตจำนวนมาก
ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ก่อนส่งต่อให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามเพื่อบังคับใช้ต่อไปนั้น ยังมีบทมาตราครอบคลุมเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับจีน เช่น ห้ามดาวน์โหลดแอปติ๊กต็อกของจีนในอุปกรณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ, เตรียมห้ามซื้อโดรนที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน รวมทั้งอาจอนุญาตให้นักการทูตและทหารไต้หวันชักธงและสวมเครื่องแบบไต้หวันระหว่างเดินทางเยือนหรือทำกิจธุระอย่างเป็นทางการในอเมริกา
ไม่เพียงเท่านั้น ในร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดมาตรการแซงก์ชันใหม่ๆ ต่อหน่วยงานหรือองค์กรของจีนเกี่ยวข้องในการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ หรือขโมยสินทรัพย์ทางปัญญาจากบริษัทอเมริกัน รวมถึงให้มีการทบทวนมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่อาจนำไปใช้เพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรคเดโมแครต และเป็นผู้ร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เตือนว่า หากไม่อัดฉีดโครงการวิจัย วันหนึ่งอเมริกาอาจต้องสูญเสียตำแหน่งมหาอำนาจ
ด้าน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยกย่องร่างกฎหมายนี้เช่นกัน โดยระบุว่า อเมริกากำลังลงแข่งขันเพื่อชัยชนะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว และอเมริกาไม่สามารถเสี่ยงที่จะให้ตัวเองตกเป็นรองได้ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังคงลงทุนในการวิจัยและการพัฒนาอย่างจริงจัง
ส่วน จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์ เคยออกมาระบุว่า งบประมาณสนับสนุนเหล่านี้อาจนำไปสู่การสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ 7-10 แห่งในอเมริกา
อย่างไรก็ดี มีเสียงวิจารณ์ว่า ความพยายามของวุฒิสภาคล้ายกับ แผนการ “เมด อิน ไชน่า 2025” ซึ่งเป็นแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคของปักกิ่ง ที่ฝ่ายอเมริกาโจมตีมาตลอด
นอกจากนั้น ร่างกฎหมายนี้ยังมุ่งต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกของจีนด้วยการใช้นโยบายการทูต โดยสหรัฐฯจะร่วมมือกับชาติพันธมิตร และนำสหรัฐฯกลับเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการกลับลำ “นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน” ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
วุฒิสมาชิก มาเรีย แคนต์เวลล์ ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างกฎหมายนี้จะให้อำนาจองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ในการใช้จ่าย และอนุมัติโครงการอาร์ทิมิสในภารกิจพามนุษย์กลับสู่ดวงจันทร์
ต่อมาในวันพุธ (9) คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของรัฐสภาจีนได้ออกคำแถลงการณ์แสดงความขุ่นเคืองอย่างรุนแรงและโจมตีร่างกฎหมายดังกล่าวของสหรัฐฯ ว่า สะท้อนความหวาดระแวงจากการต้องการเป็นผู้ชนะแต่เพียงผู้เดียวของอเมริกา แนวคิดสงครามเย็น และอคติด้านอุดมการณ์
คำแถลงยังชี้ว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของวุฒิสภาอเมริกันเช่นนี้ เป็นความพยายามแทรกแซงกิจการภายในของจีน จำกัดสิทธิ์โดยชอบธรรมในการพัฒนาของแดนมังกร ด้วยการพยายามตัดขาดจีนในทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ อีกทั้งยังบ่อนทำลายจิตวิญญาณที่แท้จริงของนวัตกรรมและการแข่งขัน
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ได้แถลงคัดค้านเช่นกัน โดยบอกว่านี่เป็นท่าทีของอเมริกาในการมองจีนเป็นศัตรูในจินตนาการ
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)