xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนสั่งหน่วยข่าวกรองสืบต้นตอโควิดใน 90 วัน ปักกิ่งซัดกลับวอชิงตันจุดชนวนทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไบเดน” สั่งหน่วยงานข่าวกรองตรวจสอบต้นตอโควิด-19 ภายใน 90 วัน พร้อมเรียกร้องความร่วมมือจากปักกิ่ง ด้านจีนซัดกลับวอชิงตันจุดชนวนทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ชี้โลกรู้ซึ้ง “ประวัติศาสตร์ดำมืด” ของหน่วยงานข่าวกรองอเมริกา

ในวันพุธ (26 พ.ค.) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน สั่งให้หน่วยงานด้านข่าวกรองของอเมริกาตรวจสอบและรายงานภายใน 90 วัน ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อุบัติขึ้นครั้งแรกในจีนนั้น มีต้นกำเนิดจากสัตว์หรือหลุดจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น พร้อมกำชับให้ห้องปฏิบัติการแห่งชาติให้การช่วยเหลือในการตรวจสอบเรื่องนี้ รวมทั้งยังสั่งให้หน่วยงานข่าวกรองจัดเตรียมรายการคำถามที่เฉพาะเจาะจงที่ต้องการให้รัฐบาลจีนตอบ พร้อมเรียกร้องให้ปักกิ่งร่วมมือกับนานาชาติเพื่อสืบหาต้นตอของไวรัสโคโรนานี้

ทฤษฎีไวรัสหลุดจากแล็บอู่ฮั่น ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ส่งลงพื้นที่ตรวจสอบในจีนเมื่อต้นปีนี้ โดยมีคำตอบออกมาในเบื้องต้นว่า “ไม่มีแนวโน้มเป็นไปได้อย่างยิ่ง” นั้น กำลังถูกวอชิงตันปลุกขึ้นมาใหม่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ด้านจีนยืนกรานปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าวมาตลอด พร้อมกล่าวหาอเมริกาปลุกปั่นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวในการรับมือวิกฤตโรคระบาดของตัวเอง

ในวันพฤหัสฯ (27) เจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันตามปกติ คัดค้านการตรวจสอบรอบใหม่ และตอบโต้ว่าแรงจูงใจและเป้าหมายของคณะบริหารของไบเดนนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ก่อนสำทับว่า โลกรับรู้ประวัติดำมืดของหน่วยงานข่าวกรองอเมริกามานานแล้ว และพาดพิงถึงข้อกล่าวหาโดยไม่มีมูลของวอชิงตันเรื่องการครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างยกทัพบุกอิรัก

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของไบเดนในวันพุธ ประชาคมด้านข่าวกรองของอเมริกามีความเห็นแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับที่มาของไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้วกว่า 3.4 ล้านคน ความเป็นไปได้แรก คือ การที่มนุษย์ไปสัมผัสไวรัสจากสัตว์ที่ติดเชื้อในตลาดอู่ฮั่น และความเป็นไปได้ที่สอง ไวรัสหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการวิจัยในเมืองดังกล่าวซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยสูง

ความเป็นไปได้หลังนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างมากในอเมริกา ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และเหล่าผู้ช่วยเป็นคนเปิดประเด็น โดยที่อีกหลายฝ่ายในตอนนั้นเห็นว่า เป็นเกมการเมือง

อย่างไรก็ดี เมื่อวันอาทิตย์ (23) หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างอิงรายงานข่าวกรองของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า เจ้าหน้าที่ 3 คนของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นป่วยด้วยโรคตามฤดูกาลและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในเดือนพฤศจิกายน 2019 หรือหนึ่งเดือนก่อนที่ปักกิ่งจะเปิดเผยว่า พบโรคปอดอักเสบปริศนาระบาดในเมืองดังกล่าว

สำหรับสมมติฐานที่ว่า ไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของ WHO ที่เดินทางไปจีนเมื่อต้นปีนั้น เชื่อว่า ต้นตอของไวรัสมาจากค้างคาวและถ่ายทอดสู่คนโดยมีสัตว์สายพันธุ์อื่นเป็นพาหะ

ทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในช่วงแรกที่โควิดระบาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักวิจัยยังไม่สามารถค้นพบไวรัสชนิดนี้ทั้งในค้างคาวและสัตว์อื่นๆ ที่มีลายเซ็นทางพันธุกรรมตรงกับไวรัสโคโรนาหรือ SARS-CoV-2 ต่างจากกรณีไวรัสซาร์สและเมอร์ส ซึ่งเป็นตระกูลไวรัสโคโรนาเหมือนกันที่ถ่ายทอดสู่คน และสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วว่า มีต้นตอจากชะมดและอูฐตามลำดับ

สถาบันสุขภาพแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นไอเอช) ที่เคยให้ทุนสนับสนุนสถาบันวิจัยอู่ฮั่นในการวิจัยไวรัสโคโรนาในค้างคาว ปฏิเสธว่า ไม่ได้สนับสนุนการทดลองเพื่อสร้างซูเปอร์ไวรัสด้วยการดัดแปลงให้ไวรัสมีความสามารถในการแพร่เชื้อให้มนุษย์มากขึ้น

ทุนนี้ถูกยกเลิกไปเมื่อปีที่แล้วโดยคณะบริหารของทรัมป์ และทฤษฎีไวรัสหลุดจากแล็บอู่ฮั่นกลายเป็นเครื่องมือที่รีพับลิกันใช้โจมตีนักวิจัยภายในประเทศที่พวกเขาเห็นเป็นศัตรู ซึ่งรวมถึงนายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อซึ่งได้รับความเชื่อถือจากคนอเมริกัน จนกระทั่งทรัมป์ขณะเป็นประธานาธิบดีอยู่ ออกอาการไม่พอใจมาก

ล่าสุด เฟาซีที่ยังคงเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านไวรัสโคโรนาคนสำคัญของทำเนียบขาวยุคไบเดน แถลงต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเมื่อวันพุธ ว่า เขาและนักวิจัยส่วนใหญ่เชื่อว่า สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นเองในธรรมชาติ แต่ยอมรับว่า ไม่มีใครมั่นใจทฤษฎีนี้ 100%

ดังนั้น เนื่องจากมีความกังวลและการคาดเดาอย่างมาก เขาจึงเชื่อว่า จำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและครบถ้วนเพื่อตรวจสอบที่มาที่แท้จริงของไวรัสโคโรนา

อรินเจย์ บาเนอร์จี นักไวรัสวิทยาขององค์การวัคซีนและโรคติดเชื้อในแคนาดา เห็นด้วยว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ไวรัสจะมีต้นกำเนิดจากสัตว์ป่า แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบุได้ 100% จึงควรต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งนอกจากจะไขปริศนาที่ชาวโลกสงสัยแล้ว คำตอบนี้ยังอาจเป็นประโยชน์ในการหยุดยั้งวิกฤตโรคระบาดนี้ด้วย
(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น