วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนน 68-32 เสียงผ่านร่างกฎหมาย U.S. Innovation and Competition Act of 2021 ที่มุ่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับจีน
การตอบโต้จีนอย่างแข็งกร้าวนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเด็นที่ทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันเห็นพ้องต้องกัน โดยขณะนี้พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสอยู่เพียงเล็กน้อย
ร่างกฎหมายฉบับใหม่จะจัดสรรวงเงินงบประมาณ 190,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับงานด้านเทคโนโลยีและการวิจัยของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังจัดสรรวงเงินอีก 54,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการผลิตและวิจัยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์และเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ขณะที่งบประมาณอีก 2,000 ล้านดอลลาร์จะถูกทุ่มให้กับการวิจัยและพัฒนาชิปสำหรับยานพาหนะโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดแคลนอย่างหนักจนกระทบต่อกำลังการผลิตรถยนต์
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากได้รับไฟเขียวก็จะถูกส่งไปยังทำเนียบขาวเพื่อให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามประกาศใช้เป็นกฎหมาย
ร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีบทบัญญัติที่ว่าด้วยจีนอีกหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการห้ามมิให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TikTok ลงในอุปกรณ์ของภาครัฐ, ห้ามซื้อโดรนที่ผลิตหรือขายโดยบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และอนุญาตให้นักการทูตและบุคลากรกองทัพไต้หวันประดับธงและสวมเครื่องแบบของตนเองได้ระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ในสหรัฐอเมริกา
ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อหน่วยงานหรือองค์กรจีนที่พัวพันการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ หรือขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทอเมริกัน รวมถึงให้ทบทวนมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าซึ่งอาจจะถูกนำไปใช้เพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประธานาธิบดีไบเดนออกมากล่าวยกย่องร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยระบุว่า “เรากำลังแข่งขันเพื่อให้ได้ชัยชนะในศตวรรษที่ 21 และเสียงปืนที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขันได้ดังขึ้นแล้ว เราไม่อาจที่จะเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ได้”
จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกมาระบุว่า งบประมาณในส่วนนี้อาจช่วยให้สหรัฐฯ ตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้เพิ่มอีก 7-10 แห่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางคนเปรียบเปรยร่างกฎหมายนี้ว่าไม่ต่างอะไรกับยุทธศาสตร์ “Made in China 2025” ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งเปลี่ยนแนวทางการผลิตของจีนจาก “โรงงานของโลก” ให้เป็น “แหล่งผลิตสินค้านวัตกรรมของโลก” โดยมุ่งเน้น 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อการสร้างนวัตกรรมในการผลิต
รัฐบาลไบเดนยังมุ่งสกัดการสยายอิทธิพลทางการทูตของจีน โดยจะร่วมมือกับบรรดาชาติพันธมิตร และนำสหรัฐฯ กลับเข้าไปมีส่วนร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการหันหลังให้กับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
มาเรีย แคนท์เวลล์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ระบุด้วยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NASA) ตลอดจนโครงการ ‘อาร์ทีมิส’ ซึ่งเป็นภารกิจในการนำมนุษย์กลับไปเยือนดวงจันทร์อีกครั้งภายในปี 2024
“จีนแสดงออกชัดเจนว่าพวกเขาต้องการไปดาวอังคาร เราเองก็จะกลับไปเยือนดวงจันทร์ให้ได้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการไปดาวอังคารเช่นกัน” แคนท์เวลล์กล่าว
ที่มา : รอยเตอร์