ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียระบุพร้อมจะส่งตัวแฮกเกอร์ให้แก่สหรัฐฯ หากวอชิงตันยอมทำข้อตกลงส่งตัวอาชญากรไซเบอร์ให้แก่มอสโกเช่นเดียวกัน
สถานีโทรทัศน์รัสเซียได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ปูติน เมื่อวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ก่อนที่ผู้นำหมีขาวจะเดินทางไปประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่นครเจนีวาในวันที่ 16 มิ.ย. ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจที่เสื่อมทรามลงจากประเด็นปัญหาหลายอย่าง
ปูติน กล่าวว่า ตนคาดหวังว่าการพบกับ ไบเดน ที่เจนีวาคราวนี้คงจะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถพูดคุยและฟื้นฟูความสัมพันธ์ส่วนตัวได้บ้าง และมีอยู่หลายประเด็นที่จะต้องหารือกัน ทั้งเรื่องเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์, ความขัดแย้งในลิเบีย, สงครามซีเรีย และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ปูติน ยังเอ่ยชม ไบเดน ว่า “มีความเป็นมืออาชีพ” หลังจากที่สหรัฐฯ และรัสเซียสามารถบรรลุข้อตกลงต่ออายุสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ (START) เมื่อต้นปีนี้
ทำเนียบขาวแถลงว่า ไบเดน ต้องการหารือกับผู้นำรัสเซียเรื่องอาชญากรไซเบอร์จากแดนหมีขาวที่มักจะส่งมัลแวร์เรียกค่าไถ่มาโจมตีบริษัทและองค์กรในสหรัฐฯ อยู่เนืองๆ
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา หลังจากที่เจบีเอส ผู้ผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากบราซิล ถูกโจมตีระบบไอทีจนกระทบสายการผลิตของโรงงานในอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ที่มีฐานอยู่ในรัสเซีย
เมื่อถามว่ารัสเซียคิดจะล่าตัวอาชญากรไซเบอร์เหล่านั้นมารับโทษหรือไม่ ปูติน ตอบว่า สิ่งที่รัสเซียจะทำขึ้นอยู่กับ “ข้อตกลง” ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขเดียวกันด้วย
“ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงส่งตัวอาชญากรให้แก่กัน แต่นอนรัสเซียก็จะทำ เราจะทำแน่นอน แต่สหรัฐฯ จะต้องยอมรับเงื่อนไขเดียวกัน และส่งตัวอาชญากรให้แก่รัสเซียด้วยเหมือนกัน” ปูติน กล่าว
“เรื่องความมั่นคงไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ เพราะหากระบบต่างๆ ถูกปิดลง ก็อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้”
ที่มา: รอยเตอร์