“ไบเดน” ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารยุคทรัมป์ที่ห้ามดาวน์โหลด “ติ๊กต็อก” และ “วีแชต” แล้วในวันพุธ (9 มิ.ย.) แต่เปลี่ยนมาสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อกังวลด้านความปลอดภัยต่อความมั่นคงของอเมริกาจาก “แอปฯต่างชาติ” ตลอดจนให้จัดทำข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติได้รับหรือเข้าถึงข้อมูลของสหรัฐฯ ภายใน 120 วัน
คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยพยายามปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้ใหม่ดาวน์โหลดแอปฯ ยอดนิยมของจีน รวมทั้งห้ามการทำธุรกิจทางเทคนิคอื่นๆ กับติ๊กต็อกและวีแชต ซึ่งส่งผลให้คนอเมริกันไม่สามารถใช้แอปฯ เหล่านี้ได้โดยปริยาย
อย่างไรก็ดี คำสั่งของทรัมป์ถูกผู้เสียหายยื่นฟ้องศาลสหรัฐฯ ซึ่งทางศาลได้สั่งระงับใช้ จนทำให้คำสั่งบริหารเหล่านั้นไม่เคยมีผลบังคับใช้จริงๆ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันพุธ (9) ว่า การตรวจสอบว่าติ๊กต็อกมีผลกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติอย่างไรบ้างหรือไม่ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ตอนปลายปี 2019 เวลานี้ยังคงดำเนินการอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนสำทับว่า ทำเนียบขาวยังกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านข้อมูลของผู้ใช้ติ๊กต็อก
ถึงแม้ยกเลิกคำสั่งแบน ทว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้หันมาสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ติดตามตรวจสอบซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน เช่น ติ๊กต็อก ในแง่ของผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนถึงจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ ได้รับหรือเข้าถึงข้อมูลของสหรัฐฯ ภายใน 120 วัน ทั้งนี้ โดยระบุว่าเนื่องจากศัตรูต่างชาติยังมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการขโมยหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน
ผู้นำสหรัฐฯ ยังออกคำสั่งฝ่ายบริหารให้พวกหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ประเมินความเสี่ยงและภัยคุกคามกรณีที่ข้อมูลของสหรัฐฯ อาจถูกศัตรูต่างชาติเข้าควบคุม และรายงานต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อประกอบการตรวจสอบแอปพลิเคชันต่างชาติ
ด้านติ๊กต็อก และวีแชต ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของคณะบริหารไบเดน
ทั้งนี้ ติ๊กต็อกมีผู้ใช้ในอเมริกากว่า 100 ล้านคน ส่วนวีแชตก็มีการดาวน์โหลดอย่างน้อย 19 ล้านครั้งในอเมริกา โดยมีการใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อเข้าถึงบริการ เกม และการชำระเงินกับพวกกิจการในประเทศจีน
คำสั่งฝ่ายบริหารชุดใหม่ของไบเดน เป็นการล้มล้างคำสั่งของทรัมป์เกี่ยวกับวีแชตและติ๊กต็อกที่ออกมาในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เช่นเดียวกับอีกคำสั่งหนึ่งซึ่งออกในเดือนมกราคมปีนี้ ที่พุ่งเป้าเล่นงานแอปฯ การสื่อสารและเทคโนโลยีการเงินอื่นๆ ของจีนอีก 8 แอปพลิเคชัน โดยห้ามพวกเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ทำธุรกรรมกับ 8 แอปฯ ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงอาลีเพย์ของแอนต์ กรุ๊ป และคิวคิว วอลเล็ต ตลอดจนวีแชต เพย์ ของเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์
คณะบริหารทรัมป์อ้างว่าวีแชตเพย์และติ๊กต็อกเป็นภัยต่อความมั่นคงของอเมริกาเนื่องจากอาจเป็นช่องทางที่รัฐบาลจีนใช้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของผู้ใช้ในอเมริกา ซึ่งทั้งติ๊กต็อก และวีแชตต่างปฏิเสธข้อกล่าวหา
หลังศาลชั้นต้นออกคำสั่งระงับการแบนติ๊กต็อกและวีแชตไว้ชั่วคราว คณะบริหารของทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่เมื่อไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็ขอให้ระงับการอุทธรณ์นี้ไว้ก่อน
จอช ฮอว์ลีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน ทวีตโจมตีว่า การยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง และเป็นสัญญาณเตือนความนิ่งนอนใจของไบเดนเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลชาวอเมริกัน รวมถึงการขยายอิทธิพลในแวดวงธุรกิจของจีน
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้วไบเดนได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามธุรกิจอเมริกันลงทุนในบริษัทกลาโหมและเทคโนโลยีการสอดแนมของจีน เพื่อใช้แทนคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบทางกฎหมาย รวมทั้งเมื่อวันอังคาร (8) วุฒิสภาสหรัฐฯ ยังรับรองร่างกฎหมายส่งเสริมความสามารถของอเมริกาเพื่อแข่งขันกับเทคโนโลยีจีน ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้ปักกิ่ง
กระนั้น เมื่อวันพฤหัสฯ (10) กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่า รัฐมนตรีพาณิชย์ หวัง เหวินเทา ได้หารือทางโทรศัพท์กับ จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ และทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักถึงความสำคัญในการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจและจะคงการติดต่อกันต่อไป รวมถึงเห็นพ้องในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และความร่วมมือที่ดีเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกัน
ก่อนหน้านี้ตอนต้นเดือนนี้ รองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ของจีน ก็ได้หารือกับ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเมื่อปลายเดือนที่แล้วหลิวยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมากับ แคเทอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)