วัคซีนที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไบโอเทค มีประสิทธิภาพควบคุมโควิด-19 ในผลการศึกษาฉีดวัคซีนหมู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของบราซิล เมื่อพวกผู้ใหญ่ราวๆ 75% ได้รับวัคซีนโดสที่ 2 ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างอิงผลการศึกษาในเบื้องต้น
ผลการศึกษาที่ดำเนินการโดยรัฐบาลแห่งรัฐเซาเปาลู ในเมืองเซอร์รานา ซึ่งมีประชากร 45,000 คน อาจเป็นการชี้ทางแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆเกี่ยวกับจำนวนประชากรมากน้อยแค่ไหนที่จำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อก้าวผ่านโรคระบาดใหญ่ ที่ยังคงอาละวาดอย่างหนักในละตินอเมริกาและดินแดนอื่นๆทั่วโลก
ในผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า แม้อัตราการติดเชื้อจะลดลงหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคโดสแรก แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมืองแห่งนี้ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเหมาะสมจนกระทั่งมีการฉีดโดสที่ 2
ทั้งนี้ผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์จะมีการเผยแพร่เร็วๆนี้
การศึกษาดังกล่าวนำโดยสถาบันบูตันตัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีน "โคโรนาแวค" ของซิโนแวค ในบราซิล เกือบ 2 ใน 3 ของประชากรเมืองเซอร์รานา ได้รับวัคซีนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ส่วนที่เหลือจะไม่มีสิทธิ์รับวัคซีน หากว่าพวกเขามีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือเป็นหญิงมีครรภ์
"นี่คือการศึกษารูปแบบนี้แห่งแรกของโลก" ดิมาส โควาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตันกล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์(31ม.ค.) "ข้อมูลเบื้องต้นนี้เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนประชากรกลุ่มหนึ่งๆ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ปรับปรุงพัฒนานโยบายสาธารณะต่างๆ"
ในขณะที่เมืองอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกำลังได้รับผลกะทบอย่างหนักจากโรคระบาดใหญ่ เวลานี้เมืองเซอร์รานาพบเห็นอัตราการเสียชีวิตลดลง 95% ใน 5 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีนหมู่เสร็จสิ้น ส่วนอัตราการติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง 80% และติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ลดลง 86%
"ตอนนี้เราสามารถพูดได้ว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะควบคุมโรคระบาดใหญ่ด้วยวัคซีน" ริคาร์โด ปาลาซิออส ผู้อำนวยการวิจัยของสถาบันบูตันตันกล่าว พร้อมระบุว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นเด็กก็ลดลงเช่นกัน "มันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความเป็นต้องฉีดวัคซีนแก่เด็กๆเพื่อเปิดโรงเรียน"
ไม่มีรายงานเกิดผลข้างเคียงรุนแรงใดๆจากการฉีดวัคซีน และไม่พบผู้เสียชีวิตโควิด-19 ในบรรดาประชาชนที่ได้รับวัคซีนโดสที่ 2 ครบ 14 วัน ทั้งนี้พื้นที่รอบๆเมืองเซอร์รานา ซึ่งอยู่ห่างจากเซาเปาลูราว 315 กิโลเมตร ถูกรุมล้อมด้วยตัวกลายพันธุ์ P1 ระหว่างการศึกษา และในเรื่องนี้ ปาลาซิออส ระบุมันเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคที่มีต่อตัวกลายพันธ์ที่พบครั้งแรกในบราซิล
วัคซีนของซิโนแวคกำลังถูกใช้อย่างกว้างขวางในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา ในนั้นรวมถึงชิลี ตุรกี อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
ผลการค้นพบตอกย้ำถึงความสำคัญที่ประชาชนต้องกลับเข้ารับวัคซีนโดสที่ 2 และจากข้อมูลของบลูมเบิร์ก พบว่าในบราซิล มีประชาชนฉีดวัคซีนแล้วราว 66 ล้านคน จากทั้งหมดกว่า 200 ล้านคน ฉีดเข็มแรกไปแล้วคิดเป็น 21.4% ของจำนวนประชากร และฉีดครบ 2 เข็มแล้วคิดเป็น 1.5% ของจำนวนประชากร
(ที่มา:บลูมเบิร์ก)