การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลยาวนานที่สุดของ เบนนามิน เนทันยาฮู อาจกำลังใกล้สิ้นสุดลง หลัง นาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำยามินา พรรคเล็กๆ ฝ่ายขวา ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (30 พ.ค.) ว่า กำลังหาข้อตกลงร่วมกับ ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำพรรคเยช อทิด ซึ่งมีแนวทางสายกลาง ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สั่นสะเทือนในทางการเมืองของอิสราเอล และหากรัฐบาลสมานฉันท์ชุดนี้สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง นั่นจะเท่ากับเป็นการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเนทันยาฮู ซึ่งครองเก้าอี้ตัวนี้มานานถึง 12 ปี
เบนเนตต์ เปิดเผยในวันอาทิตย์ (30 พ.ค.) ว่า เขากำลังเข้าร่วมรัฐบาลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกตั้งรอบที่ 5 และช่วยเหลือประเทศให้หลุดพ้นจากปัญหายุ่งยาก “หลังการเลือกตั้ง 4 ครั้ง บวกกับอีก 2 เดือน มันพิสูจน์ให้เราทุกคนเห็นแล้วว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีรัฐบาลฝ่ายขวาที่นำโดยเนทันยาฮูอีกแล้ว มันต้องเลือกระหว่างการเลือกตั้งรอบที่ 5 หรือรัฐบาลสมานฉันท์”
เขาปฏิเสธข้อบ่งชี้ต่างๆ ที่ว่ารัฐบาลผสม ซึ่งจะรวมพรรคต่างๆ มากมาย จะเป็นรัฐบาลฝ่ายซ้าย แล้วหันมายกย่องบรรดาว่าที่พรรคพันธมิตรที่พร้อมเข้าร่วมในรัฐบาลผสม เปิดทางให้เขาก้าวมาเป็นผู้นำอิสราเอล
“ฝ่ายซ้ายยอมประนีประนอมด้วยความยากลำบาก เพื่อเปิดทางให้ผมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี” เขากล่าวพร้อมระบุว่า “รัฐบาลนี้จะไม่ถอยหนี จะไม่ยอมสละดินแดน จะไม่หวั่นกลัวต่อการเปิดปฏิบัติการทางทหารถ้าจำเป็น”
ไม่นานหลัง เบนเนตต์ ออกมาประกาศ ทาง เนทันยาฮู เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเอง ประณามผู้นำพรรคยามินารายนี้ ว่าเป็นคนที่สนใจแต่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่แคร์เรื่องอื่นๆ เลย
เนทันยาฮู เท้าความว่า ก่อนศึกเลือกตั้งเดือนมีนาคม เบนเนตต์เคยบอกจะไม่ร่วมในรัฐบาลที่นำโดย ลาปิด พร้อมเสียดสีคู่แข่งจากฝ่ายขวาของเขาว่าเป็นพวกไม่ยึดมั่นในหลักการ “เบนเนตต์กำลังตลบตะแลงครั้งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ”
คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า รัฐบาลสมานฉันท์ใดๆ จะเป็นในลักษณะนายกรัฐมนตรีหมุนเวียน โดย เบนเนตต์ จะนั่งเก้าอี้ดังกล่าวเป็นครั้งแรกและ ลาปิด จะเป็นคนที่สอง
ข้อตกลงครั้งนี้เป็นข้อตกลงที่ไม่ปกติและนับว่าแปลกพอสมควร จากข้อเท็จจริงที่ว่าพรรคของ เบนเนตต์ เองคว้าเก้าอี้มาได้แค่ 7 ที่นั่งในศึกเลือกตั้งหนล่าสุด แต่พรรคของเขากลายมาเป็นหนึ่งในพรรคทรงอิทธิพลในทางการเมืองของอิสราเอล เนื่องจากทั้งเนทันยาฮู และกลุ่มก้อนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ต่างพยายามโน้มน้าวให้ เบนเนตต์ เป็นพวก โดยพวกเขาต้องการคะแนนเสียง 7 ที่นั่งของ เบนเนตต์ เพื่อขยับเข้าใกล้การครองเสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
พันธมิตรเพื่อการเปลี่ยนแปลงดูเหมือนจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองต่างๆ นานา ตั้งแต่ฝ่าขวาไปจนถึงฝ่ายซ้ายในทางการเมืองของอิสราเอล แต่เกือบแน่นอนว่าพวกเขายังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคอื่นอีกเพื่อให้มีเก้าอี้รวมกันเกิน 61 ที่นั่ง โดยการสนับสนุนนี้อาจมาจากนอกรัฐบาล อาทิหนึ่งในพรรคสายอาหรับ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือพรรคอิสลามิสต์ ยูไนเต็ด อาหรับ ลิสต์ ที่นำโดย มันซูร์ อับบาส
แน่นอนว่า ด้วยรัฐบาสมานฉันท์นี้เป็นการรวมตัวของพรรคการเมืองต่างๆ มากมาย มากกว่าที่พวกเขาตั้งใจไว้เพื่อโค่นล้มเนทันยาฮู ประกอบกับประเด็นกดดันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวทางรักษาข้อตกลงหยุดยิงที่ทำไว้กับกลุ่มนักรบฮามาสในฉนวนกาซา ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเยรูซาเลมตะวันออกและเวสต์แบงค์ มันอาจทำให้รัฐบาลที่เปราะบางชุดนี้พังครืนลงอย่างง่ายดายจากความเห็นต่างทางอุดมการณ์
เวลานี้ ลาปิด จำเป็นต้องบรรลุข้อตกลงและลงนามในข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมอย่างเป็นทางการกับทุกพรรค ก่อนแจ้งเรื่องรัฐบาลผสมของเขาต่อประธานาธิบดีเป็นลำดับแรก ตามด้วยประธานรัฐสภา
จากนั้นรัฐสภาจะมีเวลา 1 สัปดาห์ สำหรับลงมติรับรอง ก่อนที่รัฐบาลใหม่และนายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนใหม่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
(ที่มา: ซีเอ็นเอ็น)