อิสราเอลโจมตีทางอากาศสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาอีก 42 ศพ ในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ถือเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเหตุปะทะนองเลือดที่ยืดเยื้อมาเกือบสัปดาห์ ในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประชุมฉุกเฉินท่ามกลางความกังวลของโลกต่อความขัดแย้งที่กำลังลุกลามบานปลาย
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ร้องขอหยุดความรุนแรงที่น่าตื่นตระหนกในทันที พร้อมเตือนถึงวิกฤตด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมที่ไม่อาจควบคุมได้ แต่ผลการประชุมทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเคยถูกสหรัฐฯ พันธมิตรของอิสราเอล เตะถ่วงจนเลื่อนมาแล้วก่อนหน้านี้ คือแทบไม่ดำเนินการใดๆ
ในเหตุปะทะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งจุดชนวนมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในเยรูซาเลม คร่าชีวิตผู้คนในฉนวนกาซาแล้ว 197 ศพ นับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.) และ 10 ศพในฝั่งของอิสราเอล
อิสราเอลระบุในตอนเช้าวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ว่า ได้เดินหน้าโจมตีทางอากาศในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถล่มเป้าหมายต่างๆกว่า 90 แห่งทั่วฉนวนที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน หนึ่งในนั้นคือ การทำลายอาคารสำนักงานสื่อมวลชนหลังหนึ่ง ซึ่งโหมกระพือความไม่พอใจแก่นานาชาติเป็นอย่างมาก
ยอดผู้เสียชีวิตในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยทีมกู้ภัยดึงศพขึ้นมาจากกองเศษซากปูนขนาดมหึมา ท่ามกลางสายตาญาติๆ ผู้เสียชีวิตที่เฝ้ามองด้วยความโศกเศร้า แต่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกว่าจะเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อไปและมัน “จะใช้เวลาอีกสักพัก”
“การทำศึกของเรากับองค์การก่อการร้ายจะเดินหน้าเต็มกำลัง เรากำลังปฏิบัติการในตอนนี้ นานตราบเท่าที่่่จำเป็น เพื่อคืนความสงบและความเงียบแก่คุณ พลเมืองอิสราเอล” เนทันยาฮูปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์
กองทัพอิสราเอลระบุในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) ว่า จรวดราว 3,000 ลูก ถูกยิงจากฉนวนกาซาเข้าใส่อิสราเอล นับว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในนั้นราวๆ 450 ลูก ไม่ข้ามชายแดนตกในเขตฉนวนกาซา ส่วนอีกกว่า 1,000 ลูก โดนระบบต่อต้านขีปนาวุธไอรอนโดมสกัดเอาไว้ได้
จรวดหลายลูกทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 280 คน หลังจากมันพุ่งตกไกลกว่าระยะทำการของจรวดฮามาสที่ผ่านๆ มา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฉนวนกาซา เผยว่า มีเด็กอย่างน้อย 28 ราย เสียชีวิตในกาซา และมีประชาชนมากกว่า 1,200 คน ได้รับบาดเจ็บ และหลายช่วงตึกของเมืองพังพินาศเหลือแต่เศษซากปูน พร้อมระบุว่า นับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.) มีชาวบ้านต้องโยกย้ายออกจากที่พักอาศัยแล้วกว่า 40,000 คน
กองทัพอิสราเอลอ้างว่าพวกเขาใช้มาตรการป้องกันไว้ก่อนทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงก่ออันตรายแก่พลเมือง และกล่าวโทษ ฮามาส จงใจวางเป้าหมายด้านการทหารไว้ในเขตที่มีผู้คนพักอาศัยอยู่หนาแน่น
นิยาด อัล-มาลิกกิ รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งประชาชาติดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด โดยกล่าวหาอิสราเอลก่ออาชญากรรมสงครามและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ แต่ผู้แทนทูตของอิสราเอล กล่าวโทษนักรบกาซาต่อเหตุนองเลือดครั้งนี้
ทางกองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาเล็งเป้าหมายเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานของพวกฮามาสและนักรบญิฮาดอิสลาม ในนั้นรวมถึงระบบอุโมงค์อันกว้างใหญ่ไพศาล โรงงานอาวุธและคลังแสง
เปลวไฟและกลุ่มควันลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในช่วงบ่ายวันเสาร์ (15 พ.ค.) หลังกองทัพอากาศอิสราเอลยิงถล่มอาคารสูง 13 ชั้นหลังหนึ่งในฉนวนกาซา อาคารหลังดังกล่าวเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวอัลจาซีราห์และเอพี และมีรายงานว่า อิสราเอลแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ทำการอพยพแค่ 1 ชั่วโมง
ระหว่างการแถลงในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) เนทันยาฮู ปกป้องการโจมตี อ้างว่า อาคารดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวกรองของพวกก่อการร้ายปาเลสไตน์ด้วย “ดังนั้น จึงเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ” เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์กับซีบีเอส “ผมบอกกับคุณว่าเราใช้ทุกมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ และในข้อเท็จจริงคือไม่มีใครเสียชีวิต”
เอพีขอให้มีการสืบสวนอิสระต่อปฏิบัติการดังกล่าว ส่วน วาลิด อัล-โอมารี หัวหน้าสำนักงานเยรูซาเลมของอัลจาซีราห์ กล่าวหาอิสราเอลกำลังพยายามปิดปากสื่อมวลชนที่เห็นเหตุการณ์ บันทึกภาพและรายงานความจริง
ความขัดแย้งครั้งนี้จุดชนวนการปะทะรุนแรงระหว่างชุมชนชาวยิวกับชาวอาหรับ-อิสราเอล และเหตุปะทะนองเลือดในเวสต์แบงค์ ดินแดนที่มีชาวปาไลสเตน์เสียชีวิตแล้ว 19 รายนับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.)
ในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) จรวดลูกหนึ่งก่อความเสียหายแก่สุเหร่ายิวแห่งหนึ่งในเมืองแอชเคลอน ทางภาคใต้ของอิสราเอล ก่อนพิธีสวดมนต์เนื่องในวันชาวูโอทของชาวยิว และมีเหตุรถยนต์คันหนึ่งพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ในย่านชีค จาร์ราห์ ในเยรูซาเลมตะวันออก แต่คนร้ายถูกตำรวจวิสามัญ
ย่านชีค จาร์ราห์ เป็นแก่นกลางของเหตุความรุนแรงที่ปะทุขึ้น ซึ่งพบเห็นการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์กับกองกำลังอิสราเอลมานานหลายสัปดาห์ หลังกองกำลังด้านความมั่นคงถูกส่งเข้าปราบปรามบรรดาผู้ประท้วงปาเลสไตน์ที่ต่อต้านแผนขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์หลายครอบครัวพ้นจากพื้นที่ดังกล่าว
(ที่มา: เอเอฟพี)