xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ พบลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน J&J เพิ่มเป็น 28 เคส แต่ย้ำประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ในวันพุธ (12 พ.ค.) เผยพบเคสลิ่มเลือดอุดตันเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มเติมในหมู่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และมองว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะมีความเกี่ยวข้องกัน

ซีดีซีระบุว่า เวลานี้ทางหน่วยงานพบเคสอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome หรือ TTS) เพิ่มเป็น 28 เคส ในหมู่ประชาชนที่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จำนวนมากกว่า 8.7 ล้านคน และจนถึงตอนนี้ใน 28 รายดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 3 ราย

ก่อนหน้านี้ซีดีซีเคยรายงานว่า พบเคสผู้ลิ่มอุดตัน 17 เคส ในบรรดาผู้รับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จนถึงวันที่ 28 เมษายน จำนวนเกือบ 8 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ดอกเตอร์ซารา โอลิเวอร์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าประโยชน์ของวัคซีนยังคงมีมากว่าความเสี่ยงและไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายวัคซีนในเวลานี้

คำกล่าวของเธอมีขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากำหนดหลักปฏิบัติภูมิคุ้มกันโรค (Advisory Committee on Immunization Practices หรือ ACIP) ซึ่งคอยให้คำแนะนำแก่ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ทาง ACIP แนะนำให้สหรัฐฯยกเลิกคำสั่งระงับใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งกำหนดมาเพื่อทบทวนข้อมูลความปลอดภัยเกี่ยวกับประเด็นลิ่มเลือดอุดตัน

ทางซีดีซีระบุในวันพุธ (12 พ.ค.) ว่า เคสต่างๆ เหล่านี้ดูเหมือนมีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในยุโรป หลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า

วัคซีนทั้ง 2 ตัว สร้างบนพื้นฐานของเทคโนโลยีใช้อะดีโนไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุขอไข้หวัดทั่วไป ดัดแปลงใส่สารพันธุกรรมเป็นไวรัสอ่อนฤทธิ์ไม่สามารถก่อให้เกิดโรค โดยไวรัสนี้ถูกใช้เป็นพาหะนำคำสั่งเข้าสู่ร่างกาย เพื่อสร้างโปรตีนโคโรนาไวรัสอย่างเจาะจง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีที่สามารถต่อสู้ขจัดไวรัสตัวจริง

พวกนักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานค้นหาตำคอบว่าบางทีกลไกดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุของลิ่มเลือดอุดตัน โดยสมมุติฐานลำดับต้นๆ ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นกรณีที่วัคซีนเข้าไปกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยหนัก ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเวกเตอร์ไวรัสเหล่านี้

อาการดังกล่าวไม่พบในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา ซึ่งใช้เทคโนโลยีต่างออกไป

ซีดีซีระบุว่าเคสลิ่มเลือดอุดตันส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิงอายุ 18 ถึ 49 ปี โดยอัตราในหมู่ผู้หญิงอายุระหว่าง 30-39 ปี อยู่ที่ 12.44 เคสต่อ 1 ล้านราย ส่วนผู้หญิงอายุระหว่าง 40-49 ปี มีอัตราอยู่ที่ 9.4 เคส ต่อ 1 ล้านคน ขณะเดียวกันพบผู้ชายที่มีอการลิ่มเลือดอุดตันเพียงแค่ 6 รายเท่านั้น

อาการดังกล่าวโดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นหลายวันไปจนถึงนานสุด 2 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีน

ดอกเตอร์ซารา ลอง สมาชิกของ ACIP ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยการแพทย์เดรเซล แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของทางซีดีซีที่ไม่ออกข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยเชื่อว่าผู้หญิงวัยสาวควรได้รับแจ้งถึงความเสี่ยงและควรต้องแสดงความยินยอมก่อนเข้ารับวัคซีน

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น