ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันอังคาร (11 พ.ค.) จากความกังวลเบนซินขาดแคลน หลังระบบท่อลำเลียงใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดนโจมตีทางไซเบอร์ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ขณะที่ทองคำปรับลดเป็นวันแรกในรอบ 5 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 36 เซ็นต์ ปิดที่ 65.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 23 เซ็นต์ ปิดที่ 68.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้ดูแล โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ท่อลำเลียงน้ำมันใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งลำเลียงเบนซิน ดีเซลและน้ำมันเครื่องบิน มากกว่า 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เปิดเผยในวันจันทร์ (10 พ.ค.) คาดหมายว่าจะสามารถกู้ปฏิบัติการกลับมาได้เป็นส่วนใหญ่ในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ค.)
ความยุ่งเหยิงทางอุปทานดังกล่าวผลักราคาเบนซินตามสถานีบริการต่างๆของสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี ในขณะที่อุปสงค์พุ่งขึ้นในหลายพื้นที่ที่ท่อลำเลียงส่งน้ำมันป้อน เนื่องจากบรรดาผู้ขับขี่แห่เติมน้ำมันเต็มถังสำรองเอาไว้ก่อน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (11 พ.ค.) ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 470 จุด มีความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปและแนวโน้มเงินเฟ้อ ในขณะที่ แนสแดค ขยับลงในกรอบแคบๆ ได้แรงพยุงจากกลุ่มเทคโนโลยี
ดาวโจนส์ ลดลง 473.66 จุด (1.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,269.16 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 36.33 จุด (0.87 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,152.10 จุด แนสแดค ลดลง 12.43 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,389.43 จุด
นักวิเคราะห์บอกว่า ความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง และแนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น ก่อแรงกดดันทางลบต่อราคาหุ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ฟื้นตัวเหนือ 1.6% ความเคลื่อนไหวที่สะท้อนความวิตกเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้บริโภคที่สูงขึ้น
ด้านราคาทองคำในวันอังคาร (11 พ.ค.) ปิดลบ ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,836.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)
