xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันขึ้นหลังท่อลำเลียงสหรัฐฯ โดนโจมตีไซเบอร์ ทองบวก-หุ้นมะกันปิดลบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันจันทร์ (10 พ.ค.) สหรัฐฯ เผยท่อลำเลียงแห่งหนึ่งอาจกลับมาใช้งานได้เป็นส่วนใหญ่ภายในหนึ่งสัปดาห์ หลังถูกโจมตีทางไซเบอร์จนต้องปิดปฏิบัติการ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2 เซ็นต์ ปิดที่ 64.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 4 เซ็นต์ ปิดที่ 68.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ความเป็นไปได้ของอุปสงค์เติบโตในสหรัฐฯ บดบังความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอินเดีย และหลายพื้นที่ของเอเชีย ซึ่งอาจกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงานในดินแดนดังกล่าว

ผู้ดูแล โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ท่อลำเลียงน้ำมันใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (10 พ.ค.) คาดหมายว่าจะสามารถกู้ปฏิบัติการกลับมาได้เป็นส่วนใหญ่ในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ค.) โดยในวันอาทิตย์ (9 พ.ค.) สามารถกลับมาเปิดท่อเล็กได้เพียงแค่บางส่วน ในขณะที่ท่อลำเลียงหลักยังคงใช้งานไม่ได้

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (10 พ.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อผลักนักลงทุนเทขายหุ้นวัฏจักรหรือหุ้นที่ขึ้นลงตามแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจ

ดาวโจนส์ ลดลง 34.94 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,742.82 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 44.17 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,188.43 จุด แนสแดค ลดลง 350.38 จุด (2.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,401.86 จุด

ตลาดเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยความผันผวน นักลงทุนจับตาข้อมูลต่างๆ ในนั้นรวมถึงตัวเลขค้าปลีกและข้อมูลราคาผู้บริโภค ซึ่งถูกมองว่ามีอิทธิพลต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

หุ้นภาคอุตสาหกรรมอย่าง แคทเธอร์พิลลาร์ และ 3 เอ็ม ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง แต่ตลาดถูกฉุดรั้งจากหุ้นของบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลายอย่างแอมะซอน และเฟซบุ๊กที่ขยับลงแรง

ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (10 พ.ค.) ปิดบวกต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,837.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น