กองทัพสหรัฐฯไม่มีแผนสอยจรวดจีนลูกหนึ่งทีหลุดจากการควบคุมและเวลานี้กำลังพุ่งเข้าหาโลก จากคำยืนยันของ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอเมริกาเมื่อวันพฤหัสบดี (6 พ.ค.)
“เรามีศักยภาพทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย แต่จนถึง ณ เวลาที่ผมให้สัมภาษณ์ เรายังไม่มีแผนยิงมันให้ร่วง” ออสตินบอกกับผู้สื่อข่าว
พวกผู้เชี่ยวชาญของเพนตากอนคาดหมายว่าลำตัวของจรวด “ลองมาร์ช 5บี” ซึ่งหลุดออกนอกวงโคจรหลังแยกตัวออกจากสถานีอวกาศของปักกิ่ง จะร่วงสู่พื้นผิวโลกในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของวันเสาร์ (8 พ.ค.) หรือไม่ก็วันอาทิตย์ (9 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม สถานที่และวันเวลาที่แน่ชัดที่มันจะร่วงลงมานั้น เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา
“เราหวังว่ามันจะตกลงในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อทุกคน หวังว่าจะเป็นในมหาสมุทรหรือสถานที่บางแห่งทำนองนั้น” เขากล่าว
นอกจากนี้แล้ว รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯยังแสดงความคิดเห็นบ่งชี้ว่าเป็นความเลินเล่อของจีนที่ปล่อยให้ลำตัวจรวดหลุดออกนอกวงโคจร “ผมคิดว่าผมต้องพูดถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ สำหรับเรา ใครก็ตามที่ปฏิบัติภารกิจในมิติอวกาศ มีข้อบังคับหรือควรมีข้อบังคับให้ปฏิบัติการในโหมดความปลอดภัยและรอบคอบอย่างที่สุด”
“มันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาพิจารณา ตอนที่เราวางแผนหรือลงมือปฏิบัติภารกิจในอวกาศ” เขากล่าว
จรวด ลองมาร์ช 5บี ถูกยิงขึ้นจากฐานปล่อยจรวดบนเกาะไหหลำ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 เมษายน เพื่อปฏิบัติภารกิจขนส่งโมดุลเทียนเหอ ซึ่งเป็นตู้พักอาศัยสำหรับลูกเรือ บนสถานีอวกาศจีน นับเป็นการปล่อยจรวดครั้งแรก จากทั้งหมด 11 ภารกิจ ในโครงการสร้างสถานีอวกาศแบบถาวรของจีน
หน่วยบัญชาการอวกาศของสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่สามารถกำหนดจุดที่แน่นอนของชิ้นส่วนจรวดได้ในอวกาศ จนกว่าจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก
โจนาธาน แม็กดาวเวลล์ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ จากฮาวาด มองว่า เศษซากของจรวดดังกล่าว มีความเป็นไปได้ว่าอาจหลุดรอดจากการเผาไหม้ หลังจากผ่านชั้นบรรยากาศที่ความเร็วเหนือเสียง แต่ก็มีโอกาสตกสู่พื้นทะเล เนื่องจากพื้นที่ 70% ของโลกเป็นน้ำทะเล
แม็กดาวเวลล์ ระบุอีกว่า หลายประเทศส่วนใหญ่ได้พยายามออกแบบยานอาวกาศ ป้องกันการสูญเสียการควบคุม เพื่อไม้ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อครั้งตอนสถานีอวกาศสกายแล็บของนาซ่า หลุดวงโคจรโลกเมื่อปี 1979 ก่อนตกลงบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
“มันทำให้เห็นว่า นักออกแบบยานอวกาศของจีนประมาท ซึ่งพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้เลย” แม็กดาวเวลล์ กล่าว
(ที่มา: เอเอฟพี)