โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เผยวานนี้ (19 เม.ย.) ว่ากองทัพรัสเซียได้วางกำลังทหารกว่า 150,000 นายประชิดชายแดนยูเครน ซึ่งมากกว่าเมื่อครั้งที่บุกยึดคาบสมุทรไครเมียเมื่อปี 2014 เสียอีก ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่ “น่ากังวลอย่างยิ่ง”
“ตอนนี้มีทหารรัสเซียตรึงกำลังอยู่บริเวณชายแดนยูเครนและไครเมียมากกว่า 150,000 นาย ความเสี่ยงที่จะเกิดการกระทบกระทั่งค่อนข้างชัดเจนมาก” บอร์เรลล์ ให้สัมภาษณ์ โดยปฏิเสธที่จะเผยแหล่งข้อมูล
อย่างไรก็ดี บอร์เรลล์ ยืนยันว่าอียูยังไม่มีแผนที่จะประกาศคว่ำบาตรหรือขับไล่นักการทูตรัสเซีย แม้การเสริมกำลังทหารที่ชายแดนยูเครนคราวนี้จะถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนทหารรัสเซียที่ชายแดนยูเครนตอนนี้ถือว่ามากกว่าเมื่อปี 2014 และยังไม่แน่ชัดว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อการซ้อมรบหรือไม่อย่างไร
“มันเป็นการวางกำลังทหารที่มากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2014 ที่รัสเซียมีการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน” จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกเพนตากอนระบุ “เห็นได้ชัดว่ามากกว่าเมื่อปี 2014 เสียอีก”
“เรามองว่าการเสริมกำลังทหารเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง”
ขณะเดียวกัน เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันมีความ “กังวลอย่างยิ่ง” ต่อแผนการของรัสเซียที่จะห้ามไม่ให้เรือรบต่างชาติและเรือประเภทอื่นๆ ผ่านเข้าไปยังบางส่วนของทะเลดำเป็นระยะเวลา 6 เดือน
“นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มอสโกยกระดับความตึงเครียดฝ่ายเดียวเพื่อที่จะบั่นทอนเสถียรภาพของยูเครน” ไพรซ์ ระบุ
รัฐบาลยูเครนนั้นเกรงว่า รัสเซียซึ่งให้การสนับสนุนทั้งด้านการเมืองและการทหารแก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาสส์ (Donbass) ทางตะวันออก อาจกำลังหาข้ออ้างเพื่อลงมือโจมตี ขณะที่มอสโกยืนยันว่า “ไม่เคยข่มขู่ใคร” พร้อมทั้งกล่าวหาเคียฟว่าแสดงพฤติกรรมยั่วยุ
สงครามในภูมิภาคดอนบาสส์ทางตะวันออกของยูเครนได้คร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วมากกว่า 13,000 คน และทำให้คนอีกเกือบ 1.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน หลังจากที่ความขัดแย้งได้ปะทุขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อนจากการที่รัสเซียนำกำลังทหารเข้าช่วงชิงคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครน
ล่าสุด สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ได้ประกาศเตือนความเสี่ยงต่ออากาศยาน และแจ้งไปยังสายการบินต่างๆ ให้ “ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง” หากจำเป็นต้องบินผ่านน่านฟ้าเหนือชายแดนรัสเซีย-ยูเครนในช่วงเวลานี้
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี