อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทะลุหลัก 18 ล้านรายแล้ว ในวันพฤหัสบดี (29 เม.ย.) หลังจากทำสถิติโลกใหม่อีกครั้งในเรื่องจำนวนเคสผู้ติดเชื้อรายวัน ขณะที่สัปเหร่อผู้ขุดหลุมฝังศพต้องทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อฝังเหยื่อที่เสียชีวิต และจำนวนอีกเป็นพันๆ ถูกฌาปนกิจบนเมรุชั่วคราวซึ่งสร้างขึ้นตามสวนสาธารณะและลานจอดรถ
ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอินเดียระบุในวันพฤหัสบดี (29) ว่า รอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบเคสติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวน 379,257 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเดียวกันอยู่ที่ 3,645 คน ถือเป็นจำนวนตายสูงที่สุดในวันเดียวของโลกนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่นี้เริ่มอาละวาดเมื่อปลายปี 2019
เวลานี้ประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกแห่งนี้กำลังตกอยู่ในวิกฤตอย่างสาหัสร้ายแรง โดยทั้งโรงพยาบาลและสุสานตลอดจนสถานฌาปนกิจต่างมีผู้มารอใช้บริการจนล้น
ไซเอด มูนิร์ คัมรุดดีน สัปเหร่อผู้ขุดหลุมศพวัย 52 ปี ในเมืองมุมไบ บอกว่า เขากับเพื่อนร่วมงานกำลังทำงานแบบไม่มีหยุดพักเพื่อฝังเหยื่อผู้เสียชีวิต
“ผมไม่กลัวโควิดหรอก ผมทำงานด้วยความกล้า มันเป็นเรื่องความกล้าล้วนๆ ไม่มีหรอกความกลัว” เขากล่าว “นี่คืองานเพียงอย่างเดียวของเรา เอาศพมา ย้ายศพออกมาจากรถฉุกเฉิน แล้วก็เอาศพมาฝัง”
เวลานี้ในแต่ละวัน ชาวอินเดียนับหมื่นนับแสนเที่ยวเสาะแสวงหาเตียงโรงพยาบาลและออกซิเจนช่วยชีวิตให้แก่ญาติมิตรที่ล้มป่วยของพวกเขากันอย่างจ้าละหวั่น โดยพยายามใช้ทั้งแอปสื่อสังคม และเส้นสายคนรู้จัก เตียงโรงพยาบาลที่ว่างลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงในหอดูแลผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู) จะถูกจับจองต่อในเวลาไม่กี่นาที
“ความดุเดือดร้ายแรงของการระบาดระลอกสองนี่ ทำให้ทุกๆ คนเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน” เค.วิเจย์ รากาวัน หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่รัฐบาลอินเดีย กล่าว ทั้งนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์อินเดียนเอ็กซ์เพรส
“ขณะที่เราทุกๆ คนต่างตระหนักรับรู้ถึงการระบาดระลอกสองในประเทศอื่นๆ เรานั้นยังมีวัคซีนอยู่ในมือ และไม่มีเครื่องบ่งชี้ใดๆ จากโมเดลต่างๆ ที่ใช้ในการทดสอบซึ่งบ่งบอกว่า การระบาดจะพุ่งพรวดกันถึงขนาดนี้”
ทางด้านกองทัพอินเดียได้เริ่มต้นขนส่งข้าวของจำเป็นทางการแพทย์สำคัญๆ เป็นต้นว่า ออกซิเจน ไปยังจุดต่างๆ ที่ต้องการใช้ทั่วประเทส รวมทั้งจะเปิดสถานดูแลสุขภาพของฝ่ายทหารให้พลเรือนที่เจ็บป่วยเข้าไปใช้
ในส่วนของโรงแรมและตู้รถไฟโดยสารก็ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นสถานพยาบาลฉุกเฉินเร่งด่วน เพื่อทดแทนเตียงโรงพยาบาลที่ขาดแคลนหนัก
พวกผู้เชี่ยวชาญเห็นกันว่า สิ่งที่อินเดียวาดหวังพึ่งพิงได้ดีที่สุดยังคงเป็นการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรอันมากมายมหาศาลของตน และในวันพุธ (28) ก็มีการประกาศให้แก่ผู้ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดนับจากวันเสาร์ (1 พ.ค.)
แต่ถึงแม้มีฐานะเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก อินเดียก็ไม่ได้มีสต็อกเพียงพอสำหรับประชากรจำนวนราว 800 ล้านคนซึ่งเวลานี้จะมีสิทธิเข้ารับการฉีด
ผู้คนจำนวนมากที่พยายามลงชื่อขอรับการฉีดวัคซีนบอกว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ พร้อมกับร้องทุกข์ทางสื่อสังคมว่าไม่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ หรือกระทั่งไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนด้วยซ้ำ เนื่องจากมันล่มครั้งแล้วครั้งเล่า
ขณะที่รัฐบาลยืนกรานในการแถลงเมื่อวันพุธ (28) ว่า “จากตัวเลขสถิติบ่งชี้ว่ามันห่างไกลนักจากการล่มหรือการทำงานอย่างล่าช้า ระบบกำลังทำงานไปได้โดยไม่มีข้อบกพร่องผิดพลาดใดๆ ทั้งนั้น”
คำแถลงของรัฐบาลบอกต่อไปว่า เวลานี้มีผู้คนกว่า 8 ล้านคนแล้วที่ลงทะเบียนขอฉีดวัคซีน แต่ยังไม่มีการชี้แจงในเฉพาะหน้านี้ว่าจะมีผู้ได้รับการฉีดจริงๆ เป็นจำนวนเท่าใด
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายหนึ่งในเมืองมุมไบ (บอมเบย์) เมืองหลวงของรัฐมหาราษฎระ กล่าวว่า ทางนครแห่งนี้ได้หยุดการฉีดวัคซีนเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากสต๊อกที่มีอยู่กำลังหมดลงไป ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายรายบอกว่า รัฐมหาราษฎระที่เจอการระบาดสาหัสที่สุดน่าที่จะต้องประกาศขยายเวลาใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ เพื่อสู้กับโควิด-19 ไปอีก 2 สัปดาห์
ตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง
เวลานี้ประชากร 1,400 ล้านคนของอินเดีย มีแค่ราว 9% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนในเดือนมกราคมเป็นต้นมา
แต่ขณะที่การระบาดระลอกสอง เห็นกันอยู่ว่า กำลังหนักหนาเกินกว่าระบบสาธารณสุขของอินเดียจะรับมือไหว แต่อัตราผู้เสียชีวิตที่ทางการแดนภารตะประกาศออกมา กลับต่ำกว่าของบราซิล และของสหรัฐฯ
จากการคำนวณด้วยตัวติดตามโควิด-19 ทั่วโลกของรอยเตอร์ ตัวเลขที่ทางการอินเดียแถลงหมายความว่าอัตราตายด้วยโควิด-19 อยู่ที่ 147.2 ต่อล้านคน ขณะที่ตัวเลขที่ทางการบราซิลและสหรัฐฯรายงานจะอยู่ที่ 1,800 และ 1,700 ต่อล้านคนตามลำดับ
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทยหลายรายเชื่อว่า ตัวเลขแท้จริงของเหยื่อโควิด-19 ในอินเดีย อาจจะสูงกว่าตัวเลขของทางการราว 5 ถึง 10 เท่าตัว
ณ โรงพยาบาลโฮลี่แฟมิลี ในเดลี พวกคนไข้ที่เดินทางมามีทั้งนอนมาในรถพยาบาลและใช้ยวดยานส่วนตัว บางคนพยายามหายใจด้วยความยากลำบากขณะออกซิเจนในถังของพวกเขากำลังหมดลง ส่วนในห้องไอซียู พวกคนไข้นอนกันอยู่บนรถเข็นที่วางแทรกระหว่างเตียงโรงพยาบาล
“บางคนที่ควรอยู่ในห้องไอซียู กำลังถูกรักษาในห้องคนไข้ธรรมดา” นพ.สุมิต เรย์ หัวหน้าแพทย์ห้องไอซียู บอก
“เราเต็มเอี๊ยดกันจริงๆ ทั้งหมอทั้งพยาบาลต่างเสียขวัญ พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่พวกเขาไม่มีเวลาทำอย่างนั้นได้ ไม่มีใครได้พักกันเลย”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกคำแนะนำเมื่อวันพุธ (28) ไม่ให้เดินทางไปอินเดีย เนื่องจากโรคระบาด รวมทั้งยังแนะพลเมืองอเมริกันให้ออกมาจากอินเดีย ขณะเดียวกัน สมาชิกในครอบครัวของลูกจ้างรัฐบาลสหรัฐฯในอินเดีย ก็สามารถขอเดินทางกลับสหรัฐฯได้โดยสมัครใจ
ความช่วยเหลือจากต่างประเทศทยอยมาถึง
ปลัดกระทรวงต่างประเทศอินเดีย ฮาร์ช วารธัน ชริงลา แถลงในวันพฤหัสบดี
(29) ว่า อินเดียคาดหมายว่าจะมีอุปกรณ์ผลิตออกซิเจนเกือบๆ 550 รายการส่งมาให้จากทั่วโลก ขณะที่ความช่วยเหลือทางการแพทย์เริ่มทยอยมาถึง
ทั้งนี้ เครื่องบิน 2 ลำจากรัสเซียซึ่งบรรทุกเครื่องผลิตออกซิเจน 20 เครื่อง, เครื่องช่วยหายใจ 75 เครื่อง, เครื่องติดตามอาการที่ข้างเตียงคนไข้ 150 เครื่อง และยา 22 ตัน ได้เดินทางถึงเดลีแล้ว
ขณะที่สหรัฐฯกำลังส่งข้าวของต่างๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ เป็นต้นว่า ถังออกซิเจน 1,000 ถัง, หน้ากากอนามัย เอ็น95 จำนวน 15 ล้านชิ้น, และชุดตรวจวินิจฉัยแบบรวดเร็วฉับไว 1 ล้านชุด โดยจะเริ่มทยอยมาถึงตั้งแต่วันพฤหัสบดี (29) ทำเนียบขาวแถลงในวันพุธ (28)
นอกจากนั้น ทำเนียบขาวบอกว่า สหรัฐฯยังจะสั่งให้จัดส่งพวกซัปพลายใช้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งตนสั่งซื้อเอาไว้ ไปส่งให้แก่อินเดีย ซึ่งจะสามารถใช้ในการผลิตวัคซีนได้มากกว่า 20 ล้านโดส
อินเดียยังจะได้รับวัคซีน “สปุตนิค V” ของรัสเซียล็อตแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยที่ RDIF กองทุนความมั่งคั่งภาครัฐของรัสเซียซึ่งเป็นผู้วางตลาดวัคซีนตัวนี้ในทั่วโลก ได้ลงนามข้อตกลงกับโรงงานต่างๆ ของอินเดียจำนวน 5 ราย สำหรับการผลิต สปุตนิค V ให้ได้มากกว่า 850 ล้านโดสต่อปี
ด้านบังกลาเทศแจ้งว่า จะจัดส่งยาต่อต้านไวรัสราว 10,000 ขวด, ชุด PPE 30,000 ชุด ตลอดจนยาเม็ดเกลือแร่และวิตามินอีกหลายพันเม็ด
สำหรับเยอรมนี กระทรวงกลาโหมของที่นั่นแถลงว่าจะส่งเครื่องช่วยหายใจ 120 เครื่องมาให้ในวันเสาร์ (1 พ.ค.) และเครื่องผลิตออกซิเจนแบบเคลื่อนที่ 1 ชุดมาให้ในสัปดาห์หน้า
(ที่มา: รอยเตอร์)