สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรและขับไล่ผู้แทนทูต 10 คนของรัสเซีย ในวันพฤหัสบดี (15 เม.ย.) แก้แค้นในสิ่งที่วอชิงตันระบุว่า เครมลินแทรกแซงศึกเลือกตั้งของอเมริกา โจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ และความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่เป็นปรปักษ์ แต่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงตบหัวแล้วลูบหลัง บอกถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองประเทศต้องหาทางลดความตึงเครียด ขณะที่มอสโกกร้าวมาตรการตอบโต้กลับเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
มาตรการเล่นงานรัสเซียอย่างรุนแรงในครั้งนี้มีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่ประธานาธิบดีไบเดน เพิ่งเสนอพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อประชุมซัมมิตกันเป็นครั้งแรก การหารือกันที่ทางบรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่ายังมีความสำคัญ เปิดทางทั้งสองประเทศลดความตึงเครียดระหว่างกัน
ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวในวันพฤหัสบดี (15 เม.ย.) หลังแถลงคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองประเทศต้องลดความตึงเครียด แม้ก่อนหน้านี้ ไบเดน เพิ่งให้คำจำกัดความมาตรการคว่ำบาตรซึ่งเล็งเป้าหมายเล่นงานเศรษฐกิจรัสเซียและกลุ่มบุคคลหลายสิบคน ว่าเป็นมาตรการและการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อกับพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์กับสหรัฐฯ ของมอสโก
ไบเดนเผยว่า ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ เขาพูดกับประธานาธิบดีปูตินอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ และรัสเซียไม่ควรถลำลึกไปมากกว่านี้ พร้อมบอกว่าวอชิงตันไม่ได้กำลังหาทางเริ่มวงจรความขัดแย้งและขยายสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายกับรัสเซีย
ประธานาธิบดีไบเดน อ้างว่า การติดต่อโดยตรงระหว่างเขากับปูตินจะก่อความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลมากกว่าเดิม และคิดว่าผู้นำเครมลินคงเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ไบเดน บอกว่า การประชุมซัมมิตอาจจัดขึ้นในฤดูร้อนปีนี้ในยุโรป และจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเริ่มยุทธศาสตร์สร้างเสถียรภาพทางการทูต “ทีมงานของเรากำลังพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในตอนนี้” อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ปูติน ยังไม่ขานรับใดๆ ต่อคำเชิญประชุมซัมมิตของไบเดน
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า “มีความท้าทายสำคัญๆ ระดับโลกต่างๆ นานามากมายที่รัสเซียและสหรัฐฯ จำเป็นต้องทำงานร่วมกัน ในนั้นรวมถึงควบคุมภัยคุกคามนิวเคลียร์จากอิหร่านและเกาหลีเหนือ ยุติโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนา และวิกฤตโลกร้อน”
นอกจากนี้แล้ว ไบเดน เผยด้วยว่า เขาได้คัดค้าน ปูติน ต่อการที่รัสเซียรุกรานพื้นที่บางส่วนของมอสโก และเวลานี้กำลังระดมกำลังทหารอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของชายแดน “ผมเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ สนับสนุนอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และผมได้เรียกร้องเขาอย่างหนักแน่น ให้อดทนอดกลั้นจากปฏิบัติการทางทหารใดๆ”
ในคำสั่งพิเศษ ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตขยายข้อจำกัดต่างๆ ที่มีต่อบรรดาสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่ทำธุรกรรมซื้อชายหนี้สาธารณะของรัสเซีย ขับไล่ผู้แทนทุต 10 คนซึ่งกล่าวหาว่าเป็นสายลับ และคว่ำบาตรบุคคลต่างๆ 32 ราย ที่ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020
เบื้องต้นเครมลินระบุในวันพฤหัสบดี (15 เม.ย.) ว่า มาตรการคว่ำบาตรไม่ก่อประโยชน์ต่อแนวโน้มการประชุมซัมมิต และพอทำเนียบขาวเปิดตัวมาตรการดังกล่าว ทางกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียก็เตือนว่ามาตรการตอบโต้ของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นอกเหนือจากประเด็นทรกแซงการเลือกตั้ง และการเสริมกำลังทหารของรัสเซียตามแนวชายแดนติดกับยูเครนแล้ว เหตุวางยาพิษ อเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้านจนเกือบตาย ยิ่งซ้ำเติมความกังวลในหมู่ชาติตะวันตก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับพวกผู้สื่อข่าว วอชิงตันพร้อมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมหากว่ามีความจำเป็น แต่ถึงกระนั้นเขาเน้นย้ำว่าวอชิงตันกำลังหาทางลดความตึงเครียด และต้องการเดินหน้าข้อเสนอประชุมซัมมิตไบเดน-ปูติน
มาตรการคว่ำบาตรถูกออกแบบมาเพื่อก่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซีย ทำให้มอสโกระดมเงินในตลาดระหว่างประเทศยากยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนเป็นต้นไป สถาบันการเงินต่างๆ ของสหรัฐฯ จะถูกห้ามซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยตรงจากธนาคารกลางรัสเซีย กระทรวงการคลังหรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
ทำเนียบขาวระบุว่า มอสโกพยายามบ่อนทำลายการเลือกตั้งอย่างเสรีและอิสระตามระบอบประชาธิปไตย และพยายามบ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และพันธมิตร
คำกล่าวหานี้อ้างถึงเหล่าหน่วยข่าวกรองรัสเซียที่ให้ข้อมูลข่าวสารผิดๆ อย่างไม่ลดละ และใช้อุบายสกปรกระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 และ 2020 ส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะ
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวบอกว่ามาตรการคว่ำบาตรยังเป็นการตอบโต้ความเคลื่อนไหวทางไซเบอร์ประสงค์ร้ายต่อสหรัฐฯ และพันธมิตร โดยอ้างถึงการแฮคระบบคอมพิวเตอร์รัฐบาลอเมริกาครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ที่เรียกว่า SolarWinds
ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย หรือ SVR เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี แต่ทาง SVR ตอบโต้กลับ โดยบอกว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว “ไร้สาระสิ้นดี”
ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวยังโวยวายรัสเซีย ที่เล็งเป้าเล่นงานผู้เห็นต่างและบรรดาสื่อมวลชนในแผ่นดินของต่างประเทศ
อีกด้านหนึ่งทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ร่วมด้วยออสเตรเลีย สหราชอาณาจักรและแคนาดา ได้คว่ำบาตรบุคคล 8 รายและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ายึดครองไครเมียของรัสเซีย
ในบรัสเซลส์ พันธมิตรทหารนาโต บอกว่า เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ “สนับสนุนและยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกับอเมริกา” ต่อท่าทีที่เป็นปรปักษ์อย่างไม่หยุดหย่อนของรัสเซีย ขณะที่สหภาพยุโรปก็ออกถ้อยแถลงแสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับสหัฐฯเช่นกัน ในผลกระทบจากการถูกโจมตีประสงค์ร้ายทางไซเบอร์
กระทรวงการต่างประเทสสหราชอาณาจักร เรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำลอนดอนเข้าพบ เพื่อแสดงความคว่ำครวญเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเจตนาร้ายของมอสโก
(ที่มา : เอเอฟพี)