จีนควรใช้อิทธิพลจัดการกับพวกอยู่เบื้องหลังรัฐประหารในพม่า จากเสียงเรียกร้องของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (31 มี.ค.) พร้อมระบุความรุนแรงในประเทศแห่งนี้ไม่เป็นประโยชน์กับปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม ทางพญามังกรตอบกลับนิ่มๆ บอกต้องการเห็นพม่าเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่ไม่ขอคว่ำบาตรใดๆ ต่อพันธมิตรแห่งนี้
พม่าตกอยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จากนั้นก็ควบคุมตัวเธอ และกลับมาใช้ระบบปกครองทหารอีกครั้ง หลังเว้นว่างคืบคลานสู่ประชาธิปไตยราว 1 ทศวรรษ
มีพลเมืองแล้วอย่างน้อย 512 รายเสียชีวิตในการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ในนั้น 141 รายเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (27 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นวันนองเลือดที่สุด นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจ
“แน่นอน เรายังคงเรียกร้องจีน เรียกร้องรัฐบาลในปักกิ่ง ใช้อิทธิพลของพวกเขาจัดการกับพวกที่อยู่เบื้องหลังรัฐประหารครั้งนี้” เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวัน “สิ่งที่คณะรัฐประหารทำในพม่า ไม่เป็นประโยชน์กับสหรัฐฯ ไม่เป็นประโยชน์กับคู่หูและพันธมิตรของเรา และไม่เป็นประโยชน์กับปักกิ่งเช่นกัน”
เป็นปกติที่จีนมักถูกมองด้วยความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องพม่า ประเทศที่พวกเขามีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทางยุทธศาสตร์อย่างมหาศาล และบ่อยครั้งที่สนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลพม่า สวนทางกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาติตะวันตก
บรรดาชาติตะวันตกประณามอย่างรุนแรงต่อการรัฐประหาร แต่จีนแสดงท่าทีอย่างระมัดระวัง พยายามเน้นย้ำถึงความสำคัญของเสถียรภาพ
การประท้วงต่อต้านรัฐประหารดึงดูดผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนลงสู่ท้องถนนสายต่างๆ และบางครั้งมีการรวมตัวบริเวณด้านนอกสถานทูตจีนในย่างกุ้ง โดยผู้ประท้วงกล่าวหาปักกิ่งให้การสนับสนุนคณะรัฐประหาร
มีข่าวลือแพร่ระบาดบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าจีนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร แต่ปักกิ่งปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ระบุมันไร้สาระสิ้นดี
ความเคลื่อนไหวกดดันจีนของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากอเมริกากำหนดมาตรการคว่ำบาตรสมาชิกคณะรัฐประหารของพม่าไปแล้วก่อนหน้านี้ ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการตำรวจ ทหาร 2 กองพลและกลุ่มบริษัทที่ควบคุมโดยกองทัพพม่า
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (31 มี.ค.) จีนบอกว่าพวกเขาต้องการเห็นการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในพม่าที่ปกครองโดยทหาร แต่ยืนยันระหว่างประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ปฏิเสธกำหนดมาตรการคว่ำบาตร
“จีนหวังว่าพม่าจะคืนสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และระบอบรัฐธรรมนูญ อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสานต่อความก้าวหน้าในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างมั่นคง” ถ้อยแถลงอ้างคำพูดของเอกอัครราชทูตจีนกล่าวกับที่ประชุมลับ “การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในพม่า คือผลประโยชน์ร่วมของประชาคมนานาชาติ หากพม่าดำดิ่งสู่ความยุ่งเหยิงยืดเยื้อ มันจะเป็นหายนะสำหรับพม่าและเป็นหายนะของทั้งภูมิภาค”
“แรงกดดันฝ่ายเดียวและเสียงเรียกร้องให้คว่ำบาตร หรือใช้มาตรการบีบบังคับอื่นๆ รังแต่จะซ้ำเติมความตึงเครียดและการเผชิญหน้า ขณะเดียวกันมันยังจะก่อความซับซ้อนแก่สถานการณ์เพิ่มเติม ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่สร้างสรรค์” เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติกล่าว
นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ปกป้องบรรดาธุรกิจต่างชาติทั้งหลาย ซึ่งเป็นความกังวลหลักของจีน หลังจากก่อนหน้านี้โรงงานของจีนหลายสิบแห่งในพม่าถูกจุดไฟเผา ท่ามกลางความโกรธเคืองที่มีต่อปักกิ่ง
“เราหวังว่าทุกฝ่ายในพม่าจะอยู่ในความสงบ อดทนอดกลั้น และดำเนินการต่างๆ ในทัศนคติที่สร้างสรรค์เพื่อลดความตึงเครียด และผ่อนปรนสถานการณ์ให้เย็นลง” เขากล่าว “ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวพม่าควรได้รับการปกป้อง พลเมืองและธุรกิจต่างชาติควรได้รับการปกป้อง การโจมตีใดๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้”
เอกอัครราชทูตจีนยังแสดงความชื่นชมต่อความพยายามของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งสมาชิกบางส่วนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและบางครั้งเป็นปรปักษ์กับจีน ในประเด็นเขตแดนทางทะเลและข้อพิพาทอื่นๆ
จีนสนับสนุนความคิดของกลุ่มในการจัดประชุมซัมมิตพิเศษ และความพยายามของกลุ่มที่กำลังดำเนินการไกล่เกลี่ยประนีประนอมในแบบของอาเซียน และมีบทบาทในทางบวกในการคลี่คลายสถานการณ์ในพม่า
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอพี)
