ตำรวจทหารพม่ายิงใส่ผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บอีกหลายคนในวันพุธ (7 เม.ย.) ขณะที่มีการลอบวางเพลิงโรงงานแห่งหนึ่งของจีน รวมทั้งเผาธงชาติจีนในย่างกุ้ง ด้านผู้นำคณะปกครองทหาร มิน อ่อง หล่าย ประณามการประท้วงด้วยวิธีอารยะขัดขืนกำลังทำลายประเทศ ส่วนบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอังกฤษชี้พม่ากำลังจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว
ในวันพุธ (7) ตำรวจทหารของพม่าเปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วงในเมืองกะเล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีเสียงปืนดังซ้ำๆ และมีผู้เสียชีวิต ขณะที่ชาวเมืองผู้หนึ่งและสื่อด้านข่าว เมียนมา นาว ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไป 11 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
เมียนมา นาว ยังรายงานว่า มีผู้ประท้วง 2 คนเสียชีวิตในเมืองพะโค ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมืองย่างกุ้ง
ในย่างกุ้งเอง ชาวเมืองหลายรายเล่าว่าได้ยินเสียงระเบิดขนาดเล็กๆ อย่างน้อยที่สุด 7 ครั้ง โดยมาจากอาคารรัฐบาลหลายแห่ง, โรงพยาบาลทหารแห่งหนึ่ง และชอปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่ง เวลานี้ยังไม่ทราบว่าเกิดการบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ รวมทั้งไม่มีผู้ใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในย่างกุ้งแถลงว่า ได้รับรายงานหลายกระแสเกี่ยวกับ “ระเบิดเสียงทำเอง หรือพวกพลุดอกไม้ไฟ ซึ่งมุ่งก่อให้เกิดเสียงและสร้างความเสียหายระดับต่ำมากๆ”
นอกจากนั้นยังมีข่าวว่า โรงงานเจโอซี การ์เมนต์ของจีนในย่างกุ้ง ถูกเผาเมื่อวันพุธ แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตและความเสียหายที่เกิดขึ้น ภาพบนเฟซบุ๊กยังเผยให้เห็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่งได้เผาธงชาติจีนในอีกย่านหนึ่งของย่างกุ้ง
พวกผู้ประท้วงพม่าจำนวนมากมองว่า จีนเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า โดยเมื่อเดือนที่แล้วมีการลอบเผาโรงงานของนักลงทุนจีน 32 แห่งในเมืองหลวงเก่าของพม่าแห่งนี้
ทางด้านคณะกรรมการตัวแทนสภาแห่งสหภาพ (ซีอาร์พีเอช) ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกรัฐสภาจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของอองซานซูจี ที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งภายหลังการรัฐประหารของฝ่ายทหาร เปิดเผยว่า ทนายความของกลุ่มจะเข้าพบคณะผู้ตรวจสอบอิสระของสหประชาชาติในวันพุธ เพื่อหารือเกี่ยวกับความชั่วร้ายของกองทัพพม่า
คำแถลงของทางกลุ่มระบุเพิ่มเติมว่า ได้รับหลักฐานมากมายถึง 180,000 รายการที่แสดงให้เห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางของกองทัพพม่า ครอบคลุมทั้งการวิสามัญฆาตกรรมเหยื่อกว่า 540 คน การเสียชีวิตของนักโทษระหว่างถูกควบคุมตัว 10 คน การทรมาน การควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย และการใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ประท้วงอย่างสันติ
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) เปิดเผยข้อมูลว่า มีประชาชน 581 คน รวมถึงเด็กเกือบ 50 คน ถูกตำรวจและทหารยิงเสียชีวิตระหว่างการประท้วงที่เกิดขึ้นเกือบทุกวันนับจากที่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกจับกุมเกือบ 3,500 คน ซึ่ง 2,750 คนยังถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสั่งระงับการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือ เพื่อสกัดกั้นความพยายามในการจัดการชุมนุมและแบ่งปันข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียและบริการรับส่งข้อความของกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
อย่างไรก็ตาม บริการโทรศัพท์ในพม่ายังสามารถใช้การได้บางส่วน เพียงแต่มีน้อยมาก
ทางการพม่ายังออกหมายจับประชาชนหลายร้อยคน ที่รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง นักแสดงมากมาย
ส่วน พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำคณะปกครองทหาร ออกคำแถลงในวันพุธระบุว่า การต่อต้านด้วยวิธีการอารยะขัดขืน หรือ CDM ทำให้การดำเนินการของโรงพยาบาล โรงเรียน ถนน สำนักงาน และโรงงานต่างๆ ต้องหยุดชะงัก จึงเท่ากับเป็นการทำลายประเทศ
ทางด้าน เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย เปิดเผยภายหลังหารือกับโดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเมื่อวันพุธว่า ลอนดอนกำลังหาวิธีร่วมมือกับนานาชาติเพื่อสนับสนุนความพยายามในการคลี่คลายวิกฤตในพม่าของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในหลายประเทศในย่านนี้ที่ผลักดันให้มีการเจรจาระดับสูงในพม่า
ขณะเดียวกัน ฟิตช์ โซลูชันส์ ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธว่า ลำพังการแซงก์ชันแบบเจาะจงเป้าหมายของตะวันตกไม่สามารถฟื้นกระบวนการประชาธิปไตยในพม่าได้ ทั้งยังคาดว่า จะมีการปฏิวัติที่ใช้ความรุนแรงในระยะกลางโดยที่กองทัพพม่าต้องต่อสู้กับฝ่ายค้านติดอาวุธที่ประกอบด้วยกลุ่มต่อต้านเผด็จการและกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆ
ขณะนี้ กลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มที่ควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ตามเขตชายแดน ประกาศว่า ไม่สามารถทนเห็นประชาชนถูกเข่นฆ่าได้และร่วมต่อสู้ตอบโต้กองทัพพม่า
ฟิตช์ทิ้งท้ายว่า พม่ากำลังจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว โดยอ้างอิงว่า การยกระดับการปราบปรามพลเมืองและกองกำลังชนกลุ่มน้อยอย่างรุนแรงฟ้องว่า กองทัพกำลังสูญเสียอำนาจการควบคุมประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังให้การสนับสนุนรัฐบาลซูจีที่ถูกปลด
อนึ่ง เมื่อวันอังคาร (6) รัสเซียที่สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า โจมตีว่า มาตรการแซงก์ชันของตะวันตกต่อกองทัพพม่าอาจทำให้เกิดสงครามกลางเมือง
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)