พวกชุมนุมหลายพันคนเข้าร่วมการเดินขบวนทั่วสหราชอาณาจักรในวันเสาร์ (3 เม.ย.) คัดค้านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งจะให้อำนาจพิเศษแก่ตำรวจสำหรับควบคุมการประท้วง ระหว่างนั้นเกิดการกระทบกระกระทั่งเล็กน้อยตามหลังการเดินขบวนในลอนดอน
ร่างกฎหมายตำรวจ อาชญากรรม บทลงโทษและศาล มีเป้าหมายยกระดับความเข้มข้นของมาตรการต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและสลายการชุมนม ในนั้นรวมถึงกำหนดจำกัดเวลาและระดับการใช้เสียง ซึ่งพวกนักเคลื่อนไหวเกรงว่ามันจะถูกใช้สกัดผู้เห็นต่าง
การเดินขบวน “Kill the bill” จัดขึ้นตามเมืองต่างๆ หลายสิบแห่ง ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มรณรงค์ขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ Extinction Rebellion (กบฏต่อต้านการสูญพันธุ์) ซึ่งรณรงค์เรื่องโลกร้อน และขบวนเคลื่อนไหว Black Lives Matter ชีวิตคนดำก็มีค่า
เหตุชุมนุมทั้งหมดเกือบผ่านพ้นไปอย่างสันติ แต่สุดท้ายเกิดการปะทะระหว่างพวกผู้ประท้วงและตำรวจเล็กน้อยในตอนกลางของลอนดอน ตามหลังการเดินขบวนที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน
ตำรวจนครบาลลอนดอน ซึ่งประจำการเจ้าหน้าที่จำนวนมากในเมืองหลวง เพื่อหยุดการประท้วง เผยว่า มีผู้จับกุม 26 คน และเจ้าหน้าที่ 10 นายได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครอาการสาหัส
“คนส่วนใหญ่ที่ออกมาชุมนุมใจกลางกรุงลอนดอนในวันนี้ ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเช่นกัน” อเด อเดเลคาน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอน กล่าว “อย่างไรก็ตาม มีคนกลุ่มเล็กๆ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ แม้บรรดาเจ้าหน้าที่ภาคสนามพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เราไม่มีทางเลือก ยกเว้นแต่เคลื่อนสู่ขั้นบังคับใช้กฎหมายและทำการจับกุม”
ร่างกฎหมายใหม่นี้มีขึ้นตามหลังพฤติกรรมของกลุ่มกบฏต่อต้านการสูญพันธุ์ ที่ทำพื้นที่บางส่วนของกรุงลอนดอนเป็นอัมพาตในช่วงต้นปี 2019 ซึ่งโหมกระพือเสียงเรียกร้องของนักการเมืองบางส่วน สำหรับมอบอำนาจที่เข้มข้นขึ้นแก่ตำรวจ เพื่อป้องกันความวุ่นวายเลยเถิด
จากนั้นจึงมีการยื่นร่างกฎหมายเสนอต่อรัฐสภาเมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านประปรายทั่วประเทศมานับตั้งแต่นั้น ขณะที่การเดินขบวนในวันเสาร์ (3 เม.ย.) เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่แกนนำระบุว่าความเคลื่อนไหวสุดสัปดาห์พร้อมกันทั่วประเทศ
พื้นที่การประท้วงที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด คือ ในเมืองบริสตอล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ หลังพวกผู้ชุมนุมบางส่วนเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง เจ้าหน้าที่โดนโจมตีด้วยพลุจรวด รถยนต์ตำรวจถูกจุดไฟเผา ทำให้นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ถึงกับประณามว่ามันเป็น “การโจมตีที่น่าอัปยศอดสู”
ฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันอีกครั้งในบริสตอลในช่วงเย็นวันเสาร์ (3 เม.ย.) แต่คราวนี้การเดินขบวนเป็นไปอย่างสันติ
(ที่มา: รอยเตอร์)
