สหรัฐฯ กำลังระงับทุกความร่วมมือกับพม่าภายใต้ข้อตกลงการค้าและการลงทุนปี 2013 ในทันทีจนกว่าจะคืนสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย จากการเปิดเผยของ แคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าอเมริกาในวันจันทร์ (29 มี.ค.) ขณะเดียวกัน รัสเซียระบุมีความกังวลอย่างยิ่งต่อจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในพม่า แม้เพิ่งส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนชาติอาเซียนแห่งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
เมื่อวันเสาร์ (27 มี.ค.) กลายเป็นวันแห่งการประท้วงนองเลือดที่สุดในพม่านับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจ นางอองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยมีผู้เสียชีวิต 114 ราย ทั้งนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 รายในวันจันทร์ (29 มี.ค.) หลังผู้ชุมนุมหลายพันคนหวนคืนสู่ท้องถนนอีกครั้ง แสดงพลังต่อต้านการคืนสู่อำนาจของกองทัพ หลังจากเว้นว่างไปราว 1 ทศวรรษ
ไท่ ซึ่งเพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 มีนาคม ระบุในถ้อยแถลงว่า “การเข่นฆ่าผู้ชุมนุมที่ประท้วงอย่างสันติ นักศึกษา คนงาน ผู้นำแรงงานและเด็กๆ ของกองกำลังด้านความมั่นคงของพม่า สร้างความรู้สึกช็อกต่อมโนธรรมของประชาคมนานาชาติ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการโจมตีโดยตรงต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประเทศ และความพยายามของประชาชนชาวพม่า เพื่อบรรลุเป้าหมายมีอนาคตที่สันติและเจริญรุ่งเรือง”
นอกเหนือจากระงับความร่วมมือภายใต้กรอบข้อตกลงปี 2013 แล้ว ไท่บอกว่าทางสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะพิจารณาสถานการณ์ของพม่าร่วมกับสภาคองเกรส ในความเป็นไปได้ของการทบทวนระบบสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี (GSP) ซึ่งสหรัฐฯ ปรับลดภาษีและมอบการเข้าถึงทางการค้าพิเศษอื่นๆ แก่ประเทศกำลังพัฒนาบางชาติ
บรรดาประเทศที่ได้รับสิทธิ์นั้นต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิแรงงานตามมาตรฐานสากล และไท่ กล่าวว่ารายงานข่าวที่ระบุว่าพวกผู้นำทหารพม่าเล็งเป้าเล่นงานสภภาพแรงงานและเหล่าคนงานต่อบทบาทของพวกเขาในการประท้วงฝักใฝ่ประชาธิไตยก่อความกังวลใหญ่หลวง
อีกด้านหนึ่ง รัสเซียเปิดเผยในวันจันทร์ (29 มี.ค.) ว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในพม่า ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้เครมลินเพิ่งส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเยือนชาติอาเซียนแห่งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
การเดินทางเยือนของ อเล็กซานเอร์ โฟมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากบรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งกล่าวหามอสโกกำลังให้การรับรองคณะรัฐประหารของพม่า ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย บอกว่ารัสเซียคือ “เพื่อนแท้” และยินดีต่อการปรากฏตัวของกองกำลังรัสเซีย ณ พิธีสวนสนามเนื่องในวันกองทัพเมื่อวันเสาร์ (27 มี.ค.) วันที่มีการปราบปรามผู้ประท้วงนองเลือดที่สุดนับตั้งแต่รัฐประหาร โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 114 ราย
ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับพม่าเติบโตขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมอสโกช่วยฝึกฝนและมอบทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแก่ทหารหลายพันนาย เช่นเดียวกับขายอาวุธแก่กองทัพพม่า ซึ่งถูกประเทศตะวันตกหลายชาติขึ้นบัญชีดำ ตามคำกล่าวหาสังหารโหดพลเรือน
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (29 มี.ค.) ว่าจุดยืนของรัสเซียต่อพม่า ไม่ควรถูกตีความผิดๆ แม้เพิ่งส่ง โฟมิน เข้าร่วมพิธีสวนสนาม “เรากังวลอย่างยิ่งต่อจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ มันคือบ่อเกิดแห่งความกังวลใหญ่หลวง และเรากำลังติดตามสถานการณ์ในพม่าอย่างใกล้ชิดที่สุด”
เมื่อถูกถามถึงการร่วมพิธีสวนสนามของฟูมิน ทางเปสคอฟตอบว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์กับพม่ามายาวนาน มีพัฒนาการหลายๆ อย่างในความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่มันไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่าเราเห็นด้วยกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าเศร้าเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในพม่า”
(ที่มา : รอยเตอร์ส)