กระแสบอยคอต ‘ไนกี้’ และ H&M ในจีน ยังคงทวีความรุนแรง ชาวเน็ตจำนวนมากแห่รณรงค์ไม่ซื้อสินค้า ขณะที่นักแสดงจีนหลายคนประกาศฉีกสัญญาทางธุรกิจ เพื่อตอบโต้การแบนวัตถุดิบ “ฝ้าย” จากมณฑลซินเจียง
ปมพิพาทล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และหน่วยงานจีน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง
เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว บีบีซีได้เผยแพร่ผลการสอบสวนที่อ้างอิงงานวิจัยชิ้นใหม่ ซึ่งพบว่าจีนบังคับให้ชนกลุ่มน้อยนับแสนคน รวมถึงชาวอุยกูร์ ทำงานเก็บเกี่ยวฝ้ายด้วยมือเพื่อนำไปป้อนโรงงานสิ่งทอ
ไนกี้ และ H&M แถลงไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า “รู้สึกกังวล” เมื่อได้ทราบข่าวว่า ชาวอุยกูร์ถูกบังคับให้ทำงานเก็บฝ้าย พร้อมทั้งยืนยันว่า บริษัทไม่ใช้ฝ้ายจากภูมิภาคนี้ในการผลิตสินค้า
เรื่องนี้ถูกโหมกระพือขึ้นมาใหม่ หลังจากที่สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้บทลงโทษกับจีน โดยกลุ่มสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์จีน (Communist Youth League) ได้โพสต์ข้อความผ่านบล็อกเวยปั๋วเมื่อวันพุธ (24) ว่า “คิดจะหารายได้จากจีน แต่ก็ยังปล่อยข่าวลือเพื่อบอยคอตฝ้ายจากซินเจียงงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
สื่อรัฐบาลจีนก็ออกมาเสนอข้อมูลปกป้องฝ้ายจากซินเจียงเต็มที่ และวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของแบรนด์ทั้งสอง โดย CGTN ได้แชร์คลิปวิดีโอให้เห็นว่า กระบวนการเก็บเกี่ยวฝ้ายในซินเจียงนั้น มีการใช้เครื่องทุ่นแรงเช่นกัน และยังอ้างคำพูดของเกษตรกรชาวอุยกูร์คนหนึ่งที่บอกว่า ผู้คนที่นั่นต่าง “แย่ง” กันทำงานในไร่ฝ้าย เนื่องจากได้ค่าแรงดี
สถานีโทรทัศน์ CCTV ระบุว่า H&M “คิดผิด” ที่พยายาม “ทำตัวเป็น “ฮีโร่ผู้พิทักษ์คุณธรรม” และจะต้อง “จ่ายราคาอย่างสาสมกับความผิดพลาดครั้งนี้”
จากข้อมูลล่าสุดเมื่อค่ำวันพุธ (24) พบว่า มีแพลตฟอร์ม e-commerce จีนอย่างน้อย 3 ราย ได้แก่ Pinduoduo, JD.com และ Tmall ที่เลิกจำหน่ายสินค้าของ H&M ขณะที่นักแสดงชื่อดังอย่าง หวัง อี้ป๋อ (Wang Yibo), หวง ซวน (Huang Xuan) และ วิกตอเรีย ซ่ง (Victoria Song) ต่างออกมาประกาศยกเลิกสัญญากับแบรนด์เหล่านี้ โดย ซ่ง ยังกล่าวย้ำด้วยว่า “ผลประโยชน์ของชาติอยู่เหนือสิ่งอื่นใด”
ขณะเดียวกัน แฮชแท็ก ‘I support Xinjiang cotton’ ก็กลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมในเวยปั๋ว โดยมียอดวิวแล้วมากกว่า 1,100 ล้านครั้ง
ทั้งนี้ ดูเหมือนทางบริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกระแสแอนตี้ที่เกิดขึ้น โดย H&M China ได้ออกคำแถลงเมื่อค่ำวันพุธ (24) ยืนยันว่า “บริษัทไม่ได้แสดงจุดยืนทางการเมืองใดๆ และยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนทำธุรกิจในจีนต่อไปในระยะยาว”
ที่มา: BBC, เอเอฟพี