xs
xsm
sm
md
lg

ผลทดสอบล่าสุดยันวัคซีนแอสตร้าฯ ปลอดภัย ประสิทธิภาพป้องกันในกลุ่มผู้สูงวัยสูงถึงเกือบ 80%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลการทดลองล่าสุดที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (22 มี.ค.) ยืนยัน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงวัยได้ถึงร่วม 80% อีกทั้งไม่มีความเสี่ยงทำให้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้น ผลโพลสำรวจชี้ว่าคนยุโรปส่วนใหญ่มองว่าวัคซีนตัวนี้ไม่ปลอดภัย กระนั้นท่ามกลางความไม่มั่นใจนี้ อียูกลับยังเชื่อมั่นว่าภายในเดือนกรกฎาคม ยุโรปจะมีการใช้วัคซีนกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมขึ้นมา

ส่วนในสหรัฐฯ ความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนที่สามารถฉีดให้ผู้คนได้มากกว่า 100 ล้านโดสแล้ว กำลังทำให้ผู้คนจำนวนมากคิดว่า ควบคุมการระบาดได้แล้ว เช่น ที่ชายหาดไมอามี ซึ่งคนหนุ่มสาวแห่ไปเที่ยวล้นหลามจนเกินการควบคุม และทางการต้องสั่งเคอร์ฟิว รวมทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบางพื้นที่

วัคซีนที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ถือเป็นหนึ่งในวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวแรกๆ ที่เปิดตัวออกมา โดยมีข้อได้เปรียบตรงที่ราคาถูกที่สุดและการเก็บรักษาก็ใส่ในตู้เย็นธรรมดาได้ จึงได้รับการคาดหมายว่า จะมีบทบาทสำคัญมาก โดยเฉพาะในการนำไปฉีดให้ประชาชนในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา

แม้ขณะนี้หลายชาติในยุโรปกลับมาอนุญาตให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ใหม่ หลังจากระงับใช้ช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้เนื่องจากกังวลกับความเสี่ยงในการทำให้เกิดลิ่มเลือด แต่ก็สร้างความวิตกว่า แผนการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบ ขณะที่บางประเทศกำลังต้องเผชิญการระบาดรอบใหม่

อย่างไรก็ดี สำหรับเอเชีย โครงการฉีดวัคซีนที่ใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ดูจะราบรื่นกว่า โดยในวันจันทร์ (22) นายกรัฐมนตรีซู เจิงชาง ของไต้หวัน ประเดิมฉีดวัคซีนตัวนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในวันแรกของโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชน

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีไทยเป็นคนแรกในประเทศที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเช่นเดียวกัน หลังจากมีการระงับการฉีดชั่วคราวจากความกังวลด้านความปลอดภัย ขณะที่อินโดนีเซียเริ่มฉีดวัคซีนนี้ให้ประชาชนในวันจันทร์ หลังสั่งระงับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระนั้น สำนักงานอาหารและยาแดนอิเหนา เตือนว่า ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีปัญหาการเกิดลิ่มเลือดอยู่แล้ว

ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน วัย 68 ปี ของเกาหลีใต้ เตรียมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในวันอังคาร (23) หลังจากรัฐบาลประกาศว่า สามารถใช้กับผู้สูงวัยได้

ทั้งนี้ วันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (18) องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป แถลงยืนยันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพและไม่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดโดยรวม เช่นเดียวกับคำแถลงขององค์การอนามัยโลก (WHO)

ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ แอสตร้าเซนเนก้าได้เปิดเผยผลการทดลองขั้นที่ 3 ในอเมริกา ซึ่งพบว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 แบบแสดงอาการในประชากรโดยรวม 79% และป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ถึง 100%

การทดลองนี้ครอบคลุมอาสาสมัคร 32,449 คน โดย 2 ใน 3 ได้รับวัคซีน

อาสาสมัครราว 20% อายุ 65 ปีขึ้นไป และราว 60% มีปัญหาสุขภาพที่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่จะมีอาการป่วยรุนแรงจากโควิด-19 เช่น เบาหวาน โรคอ้วนขั้นรุนแรง หรือโรคหัวใจ

คำแถลงจากคณะกรรมการอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลในการทดลองนี้ ยังระบุว่า ไม่พบความเสี่ยงภาวะลิ่มเลือดอุดตันในอาสาสมัคร 21,583 คน ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส

กระนั้น ก่อนหน้าที่รายงานฉบับนี้จะออกมา สำนักทำโพล ยูโกฟ ได้เปิดเผยผลสำรวจที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป ซึ่งรวมถึงเยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี มีแนวโน้มเชื่อว่า วัคซีนตัวนี้ไม่ปลอดภัย ตรงข้ามกับชาวอังกฤษ 2 ใน 3 ที่ยังเชื่อมั่นในความปลอดภัยของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ผลสำรวจนี้ออกมาขณะที่การระบาดระลอก 3 ทำให้หลายประเทศในยุโรปต้องฟื้นมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

อย่างไรก็ตาม เทียร์รี เบรตัน กรรมาธิการด้านตลาดภายในของอียูให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ยุโรปจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ภายในกลางเดือนกรกฎาคม โดยเบรตันคาดว่า อียูจะได้รับวัคซีนเพิ่ม 300-350 ล้านโดส ระหว่างเดือนนี้ถึงเดือนมิถุนายน นอกจากนั้น ขณะนี้ยังมีโรงงานถึง 55 แห่งที่เดินเครื่องผลิตวัคซีนในยุโรป

ขณะเดียวกัน แม้เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก แต่อเมริกาก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับโครงการฉีดวัคซีนเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนา

วันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (18) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศว่า ขณะนี้อเมริกาฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 100 ล้านโดส ซึ่งถือว่า เร็วกว่ากำหนดที่ประกาศไว้ว่า จะทำให้ได้ภายในช่วง 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนมกราคม

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้ทำให้บางคนเข้าใจผิดว่า สามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว ความเชื่อนี้ประกอบกับสภาพอากาศที่เป็นใจและช่วงปิดเทอมสั้นๆ ของสถาบันการศึกษา ส่งผลให้ผู้คนแห่ไปยังชายหาดไมอามีในรัฐฟลอริดา กระทั่งทางการต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวในย่านท่องเที่ยวสำคัญเมื่อวันเสาร์ (20) หลังเกิดการทะเลาะวิวาทและเหตุการณ์รุนแรง รวมถึงการทำลายทรัพย์สินในช่วงหลายวันก่อนหน้านั้น

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)

ฝูงชนยังคงรวมตัวกันอยู่บนถนนสายหนึ่ง ขณะที่เครื่องขยายเสียงแผดเสียงดนตรีดังสนั่น เมื่อเวลาราว 3 ทุ่มของวันอาทิตย์ (21 มี.ค.) ที่เมืองไมอามี บีช รัฐฟลอริดา ทั้งๆ ที่เมืองนี้ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่ 20.00 น.เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19  โดยเฉพาะในช่วงที่มีนักเรียนนักศึกษาเข้ามาเที่ยวกันอย่างแน่นหนาแออัด เพราะได้หยุด “สปริง เบรก”

ชายผู้หนึ่งถูกเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายจับกุม เนื่องจากไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งเคอร์ฟิว ที่เมืองไมอามี บีช รัฐฟลอริดา วันอาทิตย์ (21 มี.ค.)
กำลังโหลดความคิดเห็น