“เสี่ยหนู” เผย นายกฯ กำชับเตรียมวัคซีนโควิดให้พร้อมบริการ ปชช. ยันเพียงพอไม่มีคำว่าขาดแคลน พร้อมหนุนเอกชนจัดหา เชื่อช่วยแบ่งเบาภาระรัฐบาลได้มหาศาล เล็งลดวันกักตัวนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบโดส ควบคู่เก็บข้อมูลทางการแพทย์ด้วย
วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า เป็นการสรุปให้นายกฯฟังก่อนจะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มี.ค. โดยนายกฯได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องของวัคซีนว่าให้กรมควบคุมโรคต้องดำเนินการให้พร้อม ในเรื่องของการให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชน ต้องรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัย ซึ่งยืนยันว่า วัคซีนของเราเพียงพอ วันนี้บ้านเราจะไม่มีคำว่าขาดแคลนวัคซีนแล้ว เพราะเราซื้อจากบริษัท ซิโนแวค มาในช่วงนี้ และอีก 2-3 เดือนทาง บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทยก็จะทยอยออกมา เดือนละ 10 ล้านโดส ซึ่งทางกรมควบคุมโรคก็จะพยายามฉีดในวงกว้างให้ได้มากที่สุด โดยใช้ความร่วมมือจากโรงพยาบาลเครือข่ายกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ก็น่าจะเอาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายกฯระบุว่า อยากให้โรงพยาบาลเอกชนรับวัคซีนเข้ามาฉีดให้ประชาชนเพื่อเป็นทางเลือก นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่ในส่วนของรัฐก็ต้องมีการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ส่วนผู้ที่สามารถจัดหาวัคซีนมาได้ด้วยตัวเอง กระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมที่จะให้นโยบายกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ให้อำนวยความสะดวกในเรื่องการขึ้นทะเบียนให้รวดเร็วที่สุด แต่ประเด็นตรงนี้ขอพูดไว้เลยว่า ทุกบริษัทที่ผลิตวัคซีนที่ติดต่อมาพบทั้งตนและปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทุกเจ้าบอกว่าอยากขายให้กับรัฐบาล ไม่ขายให้เอกชน เพราะฉะนั้นถ้าเอกชนสามารถไปเจรจาและให้เขาขายได้ เรายินดีอยู่แล้ว จำคำพูดตนไว้เลย ยิ่งเอกชน ยิ่งประชาชนผู้ที่สามารถดูแลตัวเองได้ ไปรับวัคซีนด้วยค่าใช้จ่ายของตัวเอง ก็ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระรัฐอย่างมหาศาลเลย ทำไมเราจะไม่สนับสนุน
เมื่อถามว่า วัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จะมาเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า สองยี่ห้อนี้ยังไม่เข้ามา แต่เราก็บอกให้เขามาขึ้นทะเบียน อย่างไรก็ตาม วัคซีนทุกชนิดถือว่ามีประสิทธิผลหมด เมื่อถามอีกว่า วัคซีนสองชนิดนี้ติดปัญหาอะไรทำไมถึงยังไม่เข้ามา รองนายกฯ กล่าวว่า เขามาขึ้นทะเบียน แต่เขายังอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการที่เขาติดสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาถึงอยากจะให้รัฐเป็นคู่สัญญากับเขา เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นเขาจะได้บอกว่าเป็นการตัดสินใจของรัฐ เขาถึงไม่ยอมมาขึ้นทะเบียนขายให้เอกชนเสียที แต่ตอนนี้เขาคงจะขึ้นมาแล้ว เพราะรัฐได้บอกเขาแล้ว เรามีวัคซีนจำนวนเพียงพอแล้วที่จะมาดูแลประชาชนของเรา เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องหวังแล้วว่ารัฐจะซื้อจำนวนมากอีก ฉะนั้นพยายามไปขายประชาชนทั่วไปหรือภาคเอกชน
เมื่อถามว่า ในการประชุม ศบค.วันที่ 19 มี.ค. จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้กักตัว 14 วันไม่มีแล้ว เหลือ 10 วัน ถ้ามีวัคซีนเบื้องต้นจะเหลือ 7 วัน และถ้าหลังจากคนรับวัคซีนไปเยอะแล้วครบโดส และทำการเจาะตรวจหาว่ามีภูมิขึ้นหรือยัง ถ้ามีภูมิคุ้มกันขึ้นอย่างถ้วนหน้า ก็จะมีการพิจารณาการกักตัวจาก 7 วัน อาจจะเหลือแค่ 5 วัน หรือ 3 วัน หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเก็บข้อมูลต่างๆ ทางด้านการแพทย์ เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้กลับเข้าสู่ปกติโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีการเปิดรับนักท่องเที่ยวทราเวลบับเบิ้ล หรือการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศ นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีของบับเบิ้ลเรายังไม่ได้คุยแต่ละประเทศ ถ้าเขารับเรา เราก็รับเขา ต้องดูก่อนว่าประเทศนั้นมีพื้นฐานการควบคุมโรคอย่างไร ถ้าเขายังเละเทะอยู่ เราก็คงไปบับเบิ้ลด้วยไม่ได้ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่จะเข้ามาประเทศไทย ถ้าเข้ามาตอนนี้ก็คงต้องกักตัว 10 วันอยู่ โดยจะต้องผ่านการตรวจโควิด-19 ฟรีมาก่อน และพอมาถึงประเทศไทยก็ต้องตรวจอีกครั้ง และถ้านักท่องเที่ยวนั้นฉีดวัคซีนชนิดเดียวกับประเทศไทย ก็จะสามารถเข้ามาประเทศไทยได้ หรือผ่านการฉีดวัคซีนที่คุ้นชื่อกันดี ไม่ว่าจะเป็นของ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค สปุตนิก ซึ่งวัคซีนเหล่านี้เราก็ยอมรับได้ เพียงแต่เราต้องดูว่าสติกเกอร์ที่นักท่องเที่ยวติดมาเป็นของแท้จริงๆ เมื่อถามอีกว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือกักตัว 7 วัน เฉพาะคนไทยหรือต่างชาติ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเป็นต่างชาติก็ต้องดูเป็นประเทศๆ ไป ถ้าฉีดวัคซีนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นบับเบิ้ลกันระหว่างประเทศก็ต้อง 10 วัน