สถานีโทรทัศน์ที่ควบคุมโดยภาครัฐในพม่า รายงานเมื่อวันพุธ (17 มี.ค.) ว่านักธุรกิจชื่อดังรายหนึ่งระบุเคยจ่ายใต้โต๊ะให้นางอองซานซูจี ผู้นำที่ถููกกองทัพโค่นอำนาจ เป็นจำนวนเงินราว 550,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16 ล้านบาท) ในปี 2019 และ 2020 ความเคลื่อนไหวล่าสุดสำหรับอ้างความชอบธรรมของการก่อรัฐประหาร ขณะเดียวกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงร้องขอหยุดการนองเลือดในพม่า โดยพระองค์ถึงขั้นตรัสว่าพระองค์ทำได้แม้กระทั่งคุกเข่าบนถนนในพม่าอ้อนวอนยุติความรุนแรง
คณะรัฐประหารซึ่งเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ากำลังสืบสวนนางซูจีซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมตัว ในฐานต้องสงสัยรับสินบน
คำกล่าวหาของนายหม่อง วิค (Maung Weik) ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวี เป็นคดีล่าสุดที่คณะรัฐประหารเริ่มดำเนินการต่อนางอองซานซูจี และเธอมีสิทธิ์ติดคุกเป็นเวลานานหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง
หม่อง วิค อ้างว่าเธอจ่ายเงินให้แก่ซูจี 4 ครั้ง ตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์ ไปจนถึง 250,000 ดอลลาร์ ระหว่างปี 2019 และ 2020 โดยตอนนั้นเธอเป็นผู้นำพลเรือนโดยพฤตินัยของพม่า ในบทบาทที่ปรึกษาแห่งรัฐ (State Counsellor)
“จากคำให้การของ อู หม่อง วิค นางอองซานซูจีมีความผิดฐานรับสินบน และคณะกรรมการต่อต้านคอร์รัปชันกำลังดำเนินการภายใต้กฎหมายต่อต้านคอร์รัปชัน” สถานีโทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวีระบุ หลังจากก่อนหน้านี้เธอถูกต้องข้อหานำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายและละเมิดกฎระเบียบต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นอกเหนือจากโทษจำคุกแล้ว เธออาจโดนห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองหากถูกพิพากษาว่ามีความผิดจริง แต่รัฐบาลชาติตะวันตกหลายแห่งประณามการตั้งข้อกล่าวต่างๆ นานาเหล่านั้น โดยบอกว่ามันเป็นการจัดฉาก
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ถูกควบคุมตัวในสถานที่ที่ไม่เปิดเผยแห่งหนึ่งมาตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจ
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของเธอ คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน แต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลใหม่ โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง คำกล่าวหาที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธ
ในวันพุธ (17 มี.ค.)เช่นกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เรียกร้องให้หยุดการนองเลือดในพม่า โดยตรัสว่า “ข้าพเจ้าทำได้ถึงขั้นคุกเข่าอ้อนวอนบนท้องถนในพม่า ขอให้หยุดความรุนแรง”
เสียงวิงวอนของโป๊ปฟรานซิส ถือเป็นครั้งล่าสุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีขึ้นในช่วงท้ายของการพบปะกับคริสตศาสนิกชนประจำสัปดาห์ แต่ช่วงนี้เป็นการพบปะแบบทางไกลจากห้องสมุดของวาติกัน สืบเนื่องจากข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
กองทัพพม่าพยายามปราบปรามระลอกคลื่นการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้จนถึงตอนนี้มีพวกผู้ชุมนุมเสียชีวิตแล้วมากกว่า 180 คน
“อีกครั้งและด้วยความเศร้าใจอย่างที่สุด ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพูดถึงสถานการณ์อันน่าตกใจในพม่า ดินแดนที่ประชาชน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว สละชีพตนเองเพื่อมอบความหวังแก่ประเทศของพวกเขา” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าว
ในภาษาสัญลักษณ์ที่พวกผู้ประท้วงใช้ พระองค์ตรัสว่า “ข้าพเจ้าทำได้กระทั่งคุกเข่าบนถนนในพม่า ร้องขอให้หยุดความรุนแรง ทำได้กระทั่งให้ข้าพเจ้ากางแขนออกแล้วพูดว่าให้การเจรจาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด”
สื่อมวลชนรายงานว่า คำตรัสดังกล่าวบางทีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอาจอ้างถึงคลิปวิดีโอหนึ่งและภาพถ่ายซึ่งเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ ภาพเหตุการณเมื่อสัปดาหที่แล้วในเมืองมิตจีนาของพม่า แม่ชีคาทอลิกรายหนึ่งนั่งคุกเข่าต่อหน้ากองกำลังด้านความมั่นคง วิงวอนอย่ายิงผู้ประท้วง
ซิสเตอร์แอน โรส นู ตอง เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมา ในตอนนั้นเธอบอกกับตำรวจให้ละเว้นเด็กและขอให้ยิงเธอแทน
พม่ามีชาวคริสต์โรมันคาทอลิกไม่ถึง 800,000 คน ในประเทศที่มีชาวพุทธเป็นคนกลุ่มใหญ่ ทั้งนี้ โป๊ปฟรานซิส ซึ่งเคยเสด็จเยือนพม่ามาแล้วในปี 2017 ตรัสปิดท้ายว่า “เลือดไม่แก้ปัญหาอะไร การเจรจาต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด”
(ที่มา : รอยเตอร์)