xs
xsm
sm
md
lg

เบาใจได้! แอสตร้าเซนเนก้ายันผลทบทวน 17 ล้านคน ไม่พบวัคซีนโควิดเพิ่มความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอสตร้าเซนเนก้า ระบุในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) ผลทบทวนข้อมูลความปลอดภัยประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของทางบริษัท ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ผลการทบทวนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งครอบคลุมประชาชนมากกว่า 17 ล้านคน ในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป มีขึ้นหลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในบางประเทศระงับใช้วัคซีนของทางบริษัท สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นลิ่มเลือด

บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ระบุในถ้อยแถลงว่า “การทบทวนอย่างระมัดระวังในข้อมูลความปลอดภัยที่มีอยู่ทั้งหมดของประชาชนมากกว่า 17 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง หรือ ภาวะเกล็ดเลือดตํ่า ในทุกกลุ่มอายุที่กำหนด ทุกเพศ ทุกล็อต หรือไม่ว่าจะในประเทศไหนๆ”

เจ้าหน้าที่ในไอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และ ไอซ์แลนด์ ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า สืบเนื่องจากประเด็นลิ่มเลือด ส่วน ออสเตรีย หยุดใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าล็อตหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการสืบสวนเหตุเสียชีวิตของผู้ฉีดรายหนึ่ง จากอาการเลือดแข็งตัว

องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency - EMA) ระบุว่า ไม่พบข้อบ่งชี้ว่ากรณีต่างๆ เหล่านี้มีต้นตอจากวัคซีน ผลการทบทวนที่องค์การอนามัยโลกเห็นพ้องด้วยในวันศุกร์ (12 มี.ค.)

แอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า ที่ได้รับรายงานจนถึงตอนนี้ พบเคสลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง 15 เคส และลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด 22 เคส ซึ่งพอๆ กับวัคซีคโควิด-19 ของบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติแล้ว

ทางบริษัทบอกว่าแอสตร้าเซนเนก้าและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยุโรปได้ทำการทดสอบเพิ่มเติม และผลการทดสอบใหม่ไม่พบประเด็นแห่งความกังวลแต่อย่างใด พร้อมเผยว่า รายงานด้านความปลอดภัยรายเดือนจะเผยแพร่ต่อสาธารณะบนเว็บไซต์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรปในสัปดาห์ถัดจากนี้

วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ได้รับอนุมัติใช้ในยุโรปและหลายประเทศ แต่ยังไม่ได้รับไฟเขียวจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ

บริษัทแห่งนี้กำลังเตรียมการยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินของสหรัฐฯ และคาดหมายว่า จะมีข้อมูลจากการทดลองเฟส 3 ในสหรัฐฯออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

(ที่มา: รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น