เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนอร์เวย์ รายงานพบกรณีลิ่มเลือดอุดตัน และเลือดออกในสมอง อีก 3 เคสในบรรดาคนหนุ่มสาวที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการดังกล่าวนั้นมีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน
องค์การยาแห่งนอร์เวย์ ระบุเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้มีรายงานในประเทศอื่นๆ ในยุโรปเช่นกัน พร้อมแนะนำว่าแม้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามันมีความเชื่อมโยงกับวัคซีน แต่บุคคลอายุต่ำกว่า 50 ปี ที่รู้สึกไม่สบายและเกิดผื่นสีฟ้าขนาดใหญ่หลังฉีดวัคซีน ควรรีบไปพบแพทย์
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเพิ่งออกมายืนยันว่าไม่พบมูลเหตุเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับอาการลิ่มเลือดอุดตัน หลังเดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดี (11 มี.ค.) ระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่คนไข้มีอาการดังกล่าวหลังฉีดวัคซีน
นอกจากทั้ง 3 ประเทศแล้วยังมีประเทศอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากล็อตหนึ่งเช่นกัน แม้ทางผู้ผลิตและหน่วยงานเฝ้าระวังยาของยุโรปต่างยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัย
เดนมาร์ก เป็นชาติแรกที่ระงับฉีดวัคซีน แม้เน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างวัคซีนกับอาการลิ่มเลือดอุดตันหรือไม่
ในวันเสาร์ (13 มี.ค.) องค์การยาแห่งนอร์เวย์ ระบุว่า “ทางหน่วยงานได้รับรายงานอาการไม่พึงประสงค์หลายเคสในหมู่วัยรุ่นที่ได้รับวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นอาการเลือดออกใต้ผิวหนัง (เป็นตุ่มเล็กๆ หรือเป็นผื่นสีฟ้าขนาดใหญ่ หรือทั้งสองอย่าง)”
“มันเป็นเรื่องที่ต้องจริงจัง และอาจเป็นสัญญาณของปริมาณเกล็ดเลือดต่ำลง” ถ้อยแถลงระบุ “วันนี้เราได้รับรายงานเพิ่มเติมอีก 3 เคส ของเคสเลือดอุดตันหรือเลือดออกในสมองอาการรุนแรง ในคนหนุ่มสาวที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เวลานี้คนเหล่านั้นกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล”
Geir Bukholm ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมโรคและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งสถาบันสาธารณสุขแห่งชาตินอร์เวย์ ระบุว่า หลังจากตัดสินใจระงับใช้วัคซีน เวลานี้บทบาทขององค์การยาแห่งนอร์เวย์ ก็คือติดตามอาการต้องสงสัยผลกระทบข้างเคียงเหล่านี้และใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็น
แอสตร้าเซนเนก้า บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ซึ่งพัฒนาวัคซีนร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ปกป้องผลิตภัณฑ์ของตนเอง ยืนยันว่ามันมีความปลอดภัย “ความปลอดภัยของวัคซีนผ่านการศึกษาอย่างครอบคลุมในการทดลองทางคลินิกขั้นที่ 3 และการทบทวนข้อมูลของพวกผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัคซีนทนต่อผลข้างเคียงส่วนใหญ่ได้ดี” โฆษกระบุ
(ที่มา : เอเอฟพี)