สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) เมื่อวันพุธ (10 มี.ค.) ระบุจนถึงตอนนี้ไม่พบหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า กับอาการป่วยของประชาชน 2 รายที่ได้รับวัคซีนในออสเตรีย ซึ่งหนึ่งในนั้นเสียชีวิต 10 วันหลังจากฉีดวัคซีน
สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติออสเตรียระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าล็อตหนึ่ง หลังพบบุคคลรายหนึ่งซึ่งเข้ารับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลายจุดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีกคนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากอาการลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
อย่างไรก็ตาม สำนักงานยาแห่งยุโรประบุในถ้อยแถลงว่า “ปัจจุบันยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของอาการต่างๆ เหล่านี้ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายชื่อผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีน” ถ้อยแถลงระบุ “แม้ในขั้นนี้พิจารณาแล้วว่าความบกพร่องทางคุณภาพไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่กำลังมีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนล็อตดังกล่าว”
ออสเตรียเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) ได้ระงับการฉีดวัคซีนล็อตดังกล่าว ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน ในขณะที่วัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าล็อตนี้ถูกส่งไปยังชาติต่างๆ ในอียูรวมทั้งหมด 17 ประเทศ จำนวน 1 ล้านโดส
บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ยืนยันว่าวัคซีนทุกล็อตอยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด และ “ไม่ได้รับรายงานยืนยันเกี่ยวกับเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนใดๆ” พร้อมบอกว่ากำลังติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ออสเตรีย และจะให้การสนับสนุนการสืบสวนอย่างเต็มที่
คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของอียูระบุว่า จำนวนภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในประชาชนที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่ได้สูงไปกว่าที่พบเห็นในประชาชนทั่วไป โดยจนถึงวันที่ 9 มีนาคม มีรายงานเคสลักษณะดังกล่าวเพียง 22 เคส จากประชาชนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 3 ล้านคน
คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหภาพยุโรปอนุมัติวัคซีนตัวนี้ในช่วงปลายเดือนมกราคม โดยบอกว่ามันมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ส่วนองค์การอนามัยโลกขึ้นบัญชีวัคซีนดังกล่าว ในฐานะผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่พบเห็นระหว่างการทดลองนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ประเด็นเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันนั้นไม่เคยมีรายงานมาก่อน
(ที่มา : รอยเตอร์)