xs
xsm
sm
md
lg

WHO เตือน ‘ไวรัส’ ไม่จบในปีนี้-ย้ำห้ามการ์ดตก CDC หวั่นไวรัสกลายพันธุ์ผลักอเมริกาเข้าสู่เวฟ 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนวิกฤตโควิด-19 จะยังไม่จบในปีนี้ เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งกลับเพิ่มขึ้นอีกหลังลดลงต่อเนื่องถึง 6 สัปดาห์ ตอกย้ำชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่การ์ดตก ไวรัสโคโรนาจะหวนกลับมาอาละวาด ด้านหน่วยงานรับผิดชอบต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯ ก็แสดงความกังวล ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษจะทำให้อเมริกาเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 และน่าเป็นห่วงอย่างมากเนื่องจากบางรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มกันแล้ว

ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (1 มี.ค.) ว่า ยังเป็นการเร็วเกินไปและไม่สอดคล้องความเป็นจริง ถ้าหากคิดว่าวิกฤตโรคระบาดใหญ่โควิด-19 จะจบลงภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี เป็นไปได้ที่จะทำให้โศกนาฏกรรมของวิกฤตนี้บรรเทาเบาบางลง ด้วยการลดจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต

ไรอันเสริมว่า การฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดจะช่วยคลายความหวาดกลัวเกี่ยวกับโควิด-19 ได้

แต่เขาเตือนว่าจะต้องไม่ดูเบาความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ นี้ และในเวลานี้ไวรัสยังคงมีฤทธิ์เดชอย่างมากมาย โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนเคสใหม่ได้เพิ้มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดลงติดต่อกันมา 6 สัปดาห์

ด้าน เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO แจกแจงว่า จำนวนเคสใหม่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดขึ้นทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งบางพื้นที่นั้นดูเหมือนเนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน คนเริ่มการ์ดตก ขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์ยังคงระบาด

เทดรอสเตือนว่า วัคซีนอาจช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ แต่ประเทศต่างๆ ต้องไม่หวังพึ่งวัคซีนอย่างเดียว และต้องทำตามมาตรการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเพื่อการป้องกันโรคระบาดต่อไปอีก

มาเรีย แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาชั้นนำของ WHO ย้ำว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่แล้วตอกย้ำชัดเจนว่า เมื่อไรที่การ์ดตก ไวรัสโคโรนาจะกลับมาอาละวาดอีก

เทดรอสนั้นเรียกร้องต้องการให้มีการฉีดวัคซีนในทุกประเทศภายในช่วง 100 วันแรกของปีนี้ แต่ดูจะเป็นเป้าหมายที่เลือนลาง เพราะถึงตอนนี้เท่ากับเหลือเวลาอีกแค่ 40 วัน

สำหรับอเมริกา พญ.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการต่อสู้กับโรคติดต่อของสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลในวันจันทร์ (1) เช่นกันว่า การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์อาจเป็นจุดเริ่มต้น “การระบาดระลอกที่ 4” ในสหรัฐฯ

วาเลนสกี้ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นวันละราว 7,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน ซึ่งยังคงถือว่า “สูงมาก” ด้วยตัวเลขเหล่านี้บวกกับการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เท่ากับว่า ความคืบหน้าที่ผ่านมาอาจกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์

ซีดีซีคาดว่า ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่เรียกกันว่า สายพันธุ์บี.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษ อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอเมริกาในเดือนนี้ ขณะที่วาเลนสกี้แสดงความกังวลอย่างมากกับรายงานข่าวที่ว่า บางรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการพื้นฐานทางสาธารณสุข ในการป้องกันประชาชนจากโควิด-19

ทั้งนี้รัฐต่างๆ และเมืองต่างๆ ในอเมริกากำลังค่อยๆ ยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดทั้งหลายในระยะไม่กี่สัปดาห์มานี้ เป็นต้นว่า นครนิวยอร์กกลับเปิดให้รับประทานอาหารภายในร้านได้ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนรัฐแมสซาชูเชตส์ก็วางแผนเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับศักยภาพของร้านอาหารในเดือนมีนาคม สำหรับรัฐมอนแทนา และไอโอวา ยกเลิกกฎสวมหน้ากากป้องกันทั่วทั้งรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ รัฐนอร์ทดาโคตาเลิกบังคับเรื่องนี้ในเดือนมกราคม

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันได้ลดฮวบหลังจากพุ่งสูงสุดในเดือนมกราคม เมื่อมีการเร่งรัดฉีดวัคซีนมากขึ้น แต่ซีดีซีเตือนว่า หากจำนวนประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมากเพียงพอ ไวรัสกลายพันธุ์ก็ยังอาจทำให้จำนวนเคสใหม่กลับสูงขึ้นใหม่และคุกคามระบบรักษาพยาบาลที่รับภาระหนักอยู่แล้ว

ข้อมูลของซีดีซีระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์กว่า 2,463 คน ซึ่งส่วนใหญ่คืออย่างน้อย 2,400 คนติดไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ

ถึงแม้ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล สามารถระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่พบหลักฐานว่า ทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยรุนแรงขึ้น ขณะที่นักวิจัยยังเชื่อว่า วัคซีนที่มีอยู่ปัจจุบันสามารถรับมือไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้ได้

ทั้งนี้ จนถึงวันจันทร์ อเมริกาฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 76 ล้านโดส

(ที่มา : เอเอฟพี, บีบีซี, รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น