อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) ปฏิเสธข่าวลือเตรียมตั้งพรรคเมืองใหม่ แต่แย้มถึงความเป็นไปได้ที่จะลงชิงเก้าอี้ผู้นำอีกสมัยในปี 2024 พร้อมกันนั้นยังกล่าวโจมตีและตอกย้ำคำกล่าวหาว่าถูกโกงชัยชนะในศึกเลือกเลือกตั้งปี 2020 ระหว่างปรากฏตัวจริงๆ จังๆ ครั้งแรกนับตั้งพ้นจากทำเนียบขาวเมื่อเกือบ 6 สัปดาห์ก่อน
“ขบวนการเคลื่อนไหวที่น่าภูมิใจของเรา การทำงานหนักของอเมริกันผู้รักชาติเพิ่งเริ่มต้น และในท้ายที่สุดเราจะชนะ เราจะชนะ” ทรัมป์กล่าวกับที่ประชุมทางการเมือง Conservative Political Action Conference ในออร์ลันโด รัฐฟลอริดา
นอกจากยังคงปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พฤศจิกายน ต่อ โจ ไบเดน แล้ว ทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานในสัปดาห์แรกของไบเดน และบ่งชี้ว่าเขาอาจลงชิงตำแหน่งอีกสมัย “พวกเขาเพิ่งพ่ายแพ้” ทรัมป์กล่าว หลังวิพากษ์วิจารณ์แนวทางรับมือกับประเด็นความมั่นคงตามแนวชายแดนของไบเดน “แต่ใครจะรู้ ใครจะไปรู้ บางทีผมอาจตัดสินใจเอาชนะพวกเขาอีกเป็นครั้งที่ 3”
สัปดาห์ท้ายๆ แห่งการดำรงตำแหน่งของทรัมป์เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ในนั้นรวมถึงเหตุการณ์บรรดาผู้สนับสนุนของเขาโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม จนนำมาซึ่งการเสียเลือดเสียเนื้อในความพยายามขัดขวางไม่ให้สภาคองเกรสรับรองชัยชนะศึกเลือกตั้งของไบเดน ชัยชนะที่ทรัมป์อ้างมาตลอดว่าแปดเปื้อนไปด้วยการโกงอย่างมโหฬาร
ความขัดแย้งยังลามเข้าไปภายในพรรครีพับลิกัน ด้วยบุคคลระดับสูงในนั้นรวมถึง มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา หวังว่าทรัมป์จะส่องกระจกมองย้อนสิ่งผ่านๆ มา ส่วนคนอื่นๆ อย่างเช่นวุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม พันธมิตรของทรัมป์ เชื่อว่าฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ซึ่งมีพื้นฐานอนุรักษนิยมยังคงเป็นอนาคตของพรรค
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ประกาศว่าพรรครีพับลิกันยังมีความเป็นหนึ่งเดียว และบอกว่าเขาไม่มีแผนพยายามตั้งพรรคใหม่ แนวคิดที่เขาเคยหารือกับคณะที่ปรึกษาในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา “เราจะไม่เริ่มพรรคใหม่ เรามีพรรครีพับลิกัน เราจะเป็นหนึ่งเดียว และจะแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา ผมจะไม่เริ่มพรรคใหม่”
ผลสำรวจความคิดเห็นของบรรดาผู้เข้าร่วมประชุม CPAC ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นกลุ่มที่สนับสนุนทรัมป์แบบสุดโต่ง พบว่าพวกเขาให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขัน ด้วย 55% บอกว่าจะโหวตให้ ทรัมป์ ในศึกชิงตัวแทนพรรครีพับลิกัน 2024 ลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยมี รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนน 21%
ทั้งนี้ หากปราศจากทรัมป์ ผลสำรวจพบว่า เดอซานติส ได้รับการสนับสนุน 43% ส่วนว่าที่ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ได้รับการสนับสนุนเพียงตัวเลขหลักเดียว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สนับสนุนทรัมป์ โดยในอีกคำถามของการสำรวจความคิดเห็น ซึ่งถามว่า ทรัมป์ ควรลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคอีกสมัยในปี 2024 หรือไม่ ผลกลับออกมาผสมผสาน โดยมี 68% ที่บอกว่าควร แต่ก็มีถึง 32% ที่คัดค้านหรือไม่ขอแสดงความคิดเห็น
หลังการปราศัยผ่านไปราวๆ 1 ชั่วโมง ทรัมป์หันมาตอกย้ำคำกล่าวหาของเขาเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง สวนทางกับคำแนะนำของบรรดาคนสนิทมิตรสหายที่เชื่อว่าเขาจำเป็นต้องก้าวผ่านและมองไปยังอนาคตได้แล้ว “เรามีกระบวนการเลือกตั้งที่ป่วยและเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในทันที การเลือกตั้งนี้มีการโกง” ทรัมป์กล่าว “และศาลสูงและศาลอื่นๆ ไม่ต้องการทำอะไรกับมัน”
ทรัมป์ ยังวางตนเองในฐานะผู้พิพากษ์วิจารณ์ตัวยงของประธานาธิบดีคนใหม่ ในนั้นรวมถึงประเด็นด้านคนเข้าเมืองและความมั่นคงตามแนวชายแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก ความล่าช้าในการกลับมาเปิดโรงเรียน หลังต้องปิดไปนานสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ “ไจ ไบเดน มีเดือนแรกแห่งหายนะ เลวร้ายกว่าประธานาธิบดีคนไหนในประวัติศาสตร์ยุคใหม่”
คำกล่าวหาของทรัมป์สวนทางกับผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยโพลหลายสำนักพบว่าอัตราความพอใจของอเมริกันชนต่อการทำงานของไบเดน อยู่ที่ระดับเกิน 50% ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร
(ที่มา : รอยเตอร์)