สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (22 ก.พ.) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรสมาชิกคณะรัฐประหารของกองทัพพม่าอีก 2 ราย และขู่ดำเนินการเพิ่มเติม ตอบโต้การยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
สำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control) สังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ บอกว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลอากาศเอก หม่องหม่องจ่อ (Maung Maung Kyaw) ผู้บัญชาการทหารอากาศพม่า และนายพลจัตวา โม มยินต์ ตุน ( Moe Myint Tun) อดีตเสนาธิการทหารและผู้บัญชาการของหนึ่งในกองบัญชาการพิเศษของกองทัพ ดูแลรับผิดชอบปฏิบัติการต่างๆ จากกรุงเนปิดอว์
“กองทัพต้องกลับลำความเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขา และคืนสถานะโดยเร่งด่วนแก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในพม่า ไม่อย่างนั้นกระทรวงการคลังจะไม่รีรอดำเนินการอื่นๆ เพิ่มเติม” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอกย้ำคำขู่ว่า “เราจะไม่รีรอดำเนินการเพิ่มเติมกับพวกที่ใช้ความรุนแรงและปราบปรามปณิธานของประชาชน”
การประท้วงใหญ่ต่อต้านระบอบปกครองทหารเมื่อวันจันทร์ (22 ก.พ.) ปิดตายภาธุรกิจต่างๆ ในขณะที่ฝูงชนมหาศาลมารวมตัวกันอย่างสันติ แม้มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรง หลังเจ้าหน้าที่เตือนว่าเหตุเผชิญหน้าอาจนำมาซึ่งการเสียเลือดเนื้อ
3 สัปดาห์หลังการยึดอำนาจ คณะรัฐประหารล้มเหลวในความพยายามหยุดการประท้วงรายวัน เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนเรียกร้องกลับลำรัฐประหารและปล่อยตัวนางอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง
“เราเรียกร้องกองทัพและตำรวจหยุดการโจมตีการประท้วงอย่างสันติทุกรูปแบบ ปล่อยบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวอย่างไม่ชอบธรรมในทันที หยุดโจมตีและข่มขู่พวกผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหว และคืนสถานะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย”
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายชุดแรกๆ ที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรพม่าของสหรัฐฯ นับตั้งแต่รัฐประหาร นายพลทั้งสองที่ถูกขึ้นบัญชีดำในวันจันทร์ (22 ก.พ.) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐของคณะรัฐประหาร
กองทัพอ้างความชอบธรรมของการยึดอำนาจ โดยบอกว่าศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย มีการโกง แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว
การขึ้นบัญชีดำกำหนดมาเพื่ออายัดทรัพย์สินใดๆ ของนายพลเหล่านี้ที่อาจมีในสหรัฐฯ และห้ามพลเมืองอเมริกาคบค้าทำธุรกิจกับพวกเขา
(ที่มา : รอยเตอร์)