ทางการรัฐประหารพม่าระดมเพิ่มกำลังทหารออกมาประจำตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ โดยรวมถึงหน่วยเคลื่อนที่เร็วซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการปราบปรามชนกลุ่มน้อยและผู้ประท้วงอย่างโหดเหี้ยม นอกจากนั้น ยังสั่งปิดอินเทอร์เน็ตตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ (14 ก.พ.) จนถึงเช้าวันจันทร์ (15 ก.พ.) อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงออกไปรวมตัวกันบนท้องถนนต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายตะวันตกออกคำแถลงเรียกร้องกองทัพเมียนมาละเว้นการใช้กำลังปราบผู้ชุมนุม และสหรัฐฯเตือนพลเมืองของตนงดออกจากอาคารสถานที่ โดยเฉพาะในช่วงเคอร์ฟิว ด้านทนายส่วนตัวเผย อองซาน ซูจี จะถูกนำตัวขึ้นศาลในคดีถูกฟ้องเรื่องวิทยุสื่อสารเถื่อนในสัปดาห์นี้
การทำรัฐประหารและจับกุม อองซาน ซูจี รวมทั้งผู้นำรัฐบาลพลเรือนอีกหลายคนตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จุดชนวนการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าทศวรรษในพม่า โดยมีประชาชนนับแสนพากันออกมาชุมนุมตามเมืองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อประณามกองทัพที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยสะดุดลง รวมทั้งให้ปล่อยตัวซูจีและสมาชิกคณะรัฐบาลพลเรือน
แม้การประท้วงช่วงหลายวันที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์รุนแรงเพียงจำกัด ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ (14) มีรายงานว่า ตำรวจยิงใส่ผู้ประท้วงที่หน้าโรงไฟฟ้าในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือของประเทศ โดยไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ใช้กระสุนยาง หรือกระสุนจริง แต่ไม่มีข่าวว่า มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
นอกจากการประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศแล้ว กองทัพยังเผชิญการนัดหยุดงานของลูกจ้างรัฐและข้าราชการอันเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอารยะขัดขืน ซึ่งส่งผลต่อหน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาล รวมทั้งมีรายงานว่า มีการระงับเที่ยวบินบางส่วน ตลอดจนบริการรถไฟบางเส้นทาง
ในวันอาทิตย์ รัฐบาลทหารได้ส่งยานยนต์หุ้มเกราะไปที่ ย่างกุ้ง เมืองมิตจีนา และ เมืองซิตเว เมืองหลวงของรัฐยะไข่ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ถือเป็นการระดมกำลังยานยนต์หุ้มเกราะครั้งใหญ่ที่สุดนับจากการยึดอำนาจ
กองทัพยังเพิ่มกำลังทหารเพื่อช่วยตำรวจควบคุมฝูงชน โดยรวมถึงทหารจากกองพลทหารราบเบาที่ 77 ซึ่งเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่ขึ้นชื่อในการปราบปรามการลุกฮือของชนกลุ่มน้อยและการประท้วงในอดีตอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
ในเมืองย่างกุ้ง มีรถตำรวจกว่า 10 คัน และรถฉีดน้ำอีก 4 คัน จอดใกล้ๆ มหาเจดีย์สุเล ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง และเป็นหนึ่งในจุดชุมนุมสำคัญ ขณะที่ผู้ประท้วงไปรวมตัวกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีน และสหรัฐฯ รวมทั้งแบงก์ชาติ ซึ่งมียานยนต์หุ้มเกราะและรถทหารราว 6 คันจอดอยู่ใกล้ๆ
ผู้ประท้วงยังคงออกมา และปะทะตำรวจในหลายเมือง
เอเอฟพีรายงานว่า ที่ย่างกุ้ง ถึงแม้ฝ่ายทหารตัดการติดต่อทางอินเทอร์เน็ตในตอนเช้าวันจันทร์ รวมทั้งมียานหุ้มเกราะปรากฏตัวตามที่ต่างๆ หลายจุด แต่การประท้วงก็ยังคงปะทุขึ้นมา ถึงแม้อาจจะมีขนาดเล็กลงกว่าวันก่อนๆ รวมทั้งที่บริเวณใกล้ๆ แบงก์ชาติ ซึ่งมีการนำเอาทหารออกมา
นอกจากนั้น ฝูงชนยังรวมตัวกันอยู่ด้านนอกของสถานเอกอัครราชทูตจีน และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โดยพวกเขาถือแผ่นป้ายเขียนข้อความว่า “เผด็จการ ออกไป”
เมื่อถึงตอนบ่าย ข่าวที่ว่ามีตำรวจจำนวนมากปรากฏตัวที่สำนักงานในย่างกุ้งของพรรคสันติบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี ก็ดึงดูดผู้คนเป็นพันๆ ไปยังบริเวณดังกล่าว
พวกเขาพากันตะโกนว่า “หยุดเผด็จการทหาร” ขณะตำรวจยืนเฝ้ากันอยู่ตรงนั้น
“มีตำรวจราว 7 คน เข้าไปค้นหา (ส.ส. 2 คน) สักราว 30 นาที” ซอ วิน สมาชิกคนหนึ่งของ NLD บอกกับเอเอฟพีภายหลังตำรวจจากไปโดยไม่ได้ตัวบุคคลที่ค้นหา “เวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงแล้ว”
ที่กรุงเนปิดอว์ ในวันจันทร์ ก็ยังคงมีการประท้วงที่นำโดยนักเรียนนักศึกษากลุ่มต่างๆ ซึ่งเกิดการเผชิญหน้ากับกองกำลังความมั่นคง ภายหลังฝ่ายผู้ชุมนุมล่าถอยออกมาแล้ว ตำรวจยังเข้าจับกุมผู้ประท้วงวัยเยาว์ไปหลายสิบคน แต่มีบางคนได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา
“เรารวมตัวกันอย่างสันติ และกระทั่งขอโทษขอโพยด้วยซ้ำ ... แต่แล้วพวกเขาก็กลับใช้เครื่องฉีดน้ำเล่นงานเรา” นักเรียนชั้นมัธยมปลายคนหนึ่งบอก โดยขอสงวนนาม เนื่องจากเกรงจะถูกติดตามตัว
ที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า ก็เกิดความรุนแรงขึ้นมาเช่นกันในวันจันทร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน หลังจากตำรวจใช้หนังสติ๊กยิงใส่ผู้ประท้วง รวมทั้งยิงกระสุนยางเข้าเล่นงานฝูงชน
พวกผู้ชุมนุมตอบโต้กลับด้วยการขว้างก้อนอิฐก้อนหินเข้าใส่ เป็นคำบอกเล่าของสมาชิกหน่วยกู้ภัยรายหนึ่งซึ่งเข้าช่วยเหลือพยาบาลผู้บาดเจ็บ
“มีพวกเขาคนหนึ่งจำเป็นต้องได้รับออกซิเจน เพราะเขาถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ซี่โครง” หัวหน้าหน่วยกู้ภัย คิน หม่อง ทิน บอก
พวกนักหนังสือพิมพ์ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็กล่าวว่า ตำรวจได้ทุบตีพวกเขาตอนที่เกิดเหตุชุลมุน
กวาดจับฝ่ายต่อต้านช่วงกลางคืน
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองของพม่า เผยว่า กองทัพได้ออกตระเวนจับกุมผู้ต่อต้านในช่วงกลางคืน และเพิ่มอำนาจในการตรวจค้นและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย โดยนับจากการยึดอำนาจมีการจับกุมประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 400 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ กองทัพได้เผยแพร่ประมวลกฎหมายอาญาฉบับแก้ไขเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงการกำหนดโทษจำคุก 20 ปี สำหรับการยั่วยุให้เกลียดชังรัฐบาลหรือกองทัพ หรือขัดขวางการรักษาความสงบเรียบร้อยของกองกำลังความมั่นคง และจำคุก 3 ปี สำหรับการเผยแพร่ข่าวปลอม หรือการปลุกปั่นให้ต่อต้านข้าราชการ
นอกจากนั้น คณะรัฐประหารยังปิดอินเทอร์เน็ตตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์จนถึง 9 โมงเช้าวันจันทร์ อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังคงไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้
ทอม แอนดรูว์ ผู้จัดทำรายงานพิเศษว่าด้วยพม่าให้แก่สหประชาชาติ ทวีตว่า การที่บรรดานายพลพม่าพยายามควบคุมการประท้วงเช่นนี้ เป็นสัญญาณของความสิ้นหวัง และกำลังประกาศสงครามกับประชาชน
สถานเอกอัครราชทูตของสหภาพยุโรป อเมริกา อังกฤษ แคนาดา และอีก 11 ประเทศ ได้เรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงของพม่าละเว้นการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงที่ต่อต้านการรัฐประหาร
แอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้กองทัพพม่าอนุญาตให้ คริสติน ชเรเนอร์ เบอร์เกเนอร์ นักการทูตสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางไปประเมินสถานการณ์ในพม่า
นอกจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในพม่า ยังแนะนำให้พลเมืองของตนงดออกจากอาคารสถานที่ และอย่าฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว
ทหารเตรียมนำ ‘ซูจี’ ขึ้นฟ้องศาล
ขณะเดียวกัน คีน หม่อง ซอ ทนายความของซูจี เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า ซูจีจะได้รับการไต่สวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นวันอังคารและพุธ (16-17) ในข้อหาละเมิดกฎหมายนำเข้าและส่งออก หลังจากทหารอ้างว่า พบวิทยุสื่อสารไม่มีทะเบียนหลายเครื่อง ขณะบุกเข้าควบคุมตัวซูจีที่บ้านพักในกรุงเนปิดอว์เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
สำหรับ ประธานาธิบดี วิน มินต์ ที่ถูกควบคุมตัวในวันเดียวกัน ถูกตั้งข้อหาละเมิดมาตรการจำกัดในการป้องกันโรคระบาด ระหว่างไปร่วมหาเสียงเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และคาดว่า จะได้รับการไต่สวนในช่วงเวลาเดียวกับซูจี โดยที่ระยะเวลาตามกฎหมายในการควบคุมตัวทั้งคู่เอาไว้ จะสิ้นสุดลงในวันพุธ
ทั้งนี้ ทนายผู้นี้ระบุว่า เขายังไม่สามารถติดต่อกับลูกความทั้งสองคน
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)