กองกำลังความมั่นคงพม่าเปิดฉากยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงที่ยังคงออกไปชุมนุมท้าทายคำสั่งห้ามของกองทัพ โดยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งคาดว่าถูกกระสุนปืนจริง ซึ่งทำให้บาดเจ็บสาหัสมาก จนคาดกันว่าน่าจะเสียชีวิต ขณะที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกที่ดำเนินมาตรการต่อต้านการรัฐประหารอย่างเป็นรูปธรรม
การชุมนุมเดินขบวนต่อต้านการรัฐประหารปะทุต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) ตามเมืองใหญ่ๆ ของพม่า ถึงแม้กองทัพออกประกาศขู่ว่า จะจัดการกับการประท้วงที่พวกเขาระบุว่าเป็นการคุกคามเสถียรภาพและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศ พร้อมทั้งออกคำสั่งห้ามการรวมกลุ่มเกิน 5 คนก็ตาม
ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ซึ่งคณะเผด็จการทหารรุ่นก่อนของพม่าสร้างขึ้นในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตำรวจได้พยายามขับไล่ผู้ประท้วงด้วยด้วยการยิงปืน ส่วนใหญ่เป็นการยิงขึ้นฟ้า รวมทั้งมีการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 4 คน โดยที่พวกแพทย์ระบุในเบื้องต้นว่า พวกเขาเชื่อว่ามีบาดแผล ซึ่งน่าจะเกิดจากกระสุนจริงด้วย
คนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้เป็นผู้หญิง ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและหวั่นกันว่าเธอมีโอกาสมากที่สุดที่จะเสียชีวิต แพทย์ผู้หนึ่งซึ่งขอไม่ให้ระบุชื่อ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
แพทย์ผู้นี้ซึ่งกล่าวว่า พวกแพทย์อาวุโสที่เกี่ยวข้องกับการรักษาคนไข้หญิงผู้นี้ ได้มอบหมายให้เขาเป็นผู้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน บอกว่า ผลเอกซเรย์สามารถเห็นได้ว่าเธอถูกยิงด้วยกระสุนที่เป็นกระสุนจริง “ตอนนี้เธอยังไม่ได้จากไป เธอยังอยู่ในแผนกฉุกเฉิน แต่มันแน่นอน 100% ทีเดียวว่าอาการบาดเจ็บนั้นถึงขั้นทำให้เสียชีวิต” แพทย์ผู้นี้บอก
ยังมีชายอีกผู้หนึ่งซึ่งมีแผลที่หน้าอก แต่อาการไม่ได้ถึงขั้นวิกฤตหนัก โดยยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาถูกยิงด้วยกระสุนจริงหรือกระสุนยาง แพทย์คนนี้กล่าวต่อ
เวลานี้ทั้งฝ่ายตำรวจและทางโรงพยาบาลยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไป
ก่อนหน้านี้ พยานผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายในกรุงเนปิดอว์ เล่าว่า ตำรวจได้ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด แต่ฝูงชนไม่ยอมหลบหนีกระจายตัว ตำรวจจึงหันมาใช้เครื่องฉีดน้ำใส่พวกผู้ประท้วง ซึ่งก็ตอบโต้ด้วยการขว้างก้อนหินใส่
คลิปวิดีโอที่มีผู้โพสต์ทางโซเชียลมีเดีย มีภาพของผู้หญิงซึ่งดูเหมือนน่าจะเป็นคนที่ถูกระบุว่าบาดเจ็บสาหัสมากจนอาจจะไม่รอด โดยเธอพร้อมกับผู้ประท้วงอีกบางคนดูเหมือนอยู่กันตรงป้ายรถเมล์ ซึ่งมีลักษณะเป็นที่พักผู้โดยสาร ตั้งอยู่ห่างออกไปมากพอดูจากแถวของตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ตำรวจฉีดน้ำไล่ผู้ประท้วงและได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาหลายนัด
หญิงคนดังกล่าวซึ่งสวมหมวกกันน็อกอยู่บนรถจักรยานยนต์ ล้มลงกับพื้นในทันที ภาพหลายภาพที่โพสต์กันทางโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นหมวกกันน็อกของเธอมีรูทะลุอยู่รูหนึ่ง ที่น่าจะเป็นรูกระสุนปืน
ทั้งนี้ รอยเตอร์ย้ำว่า ตนยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันคลิปวิดีโอหรือภาพเหล่านี้ว่าเป็นของจริงหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกัน มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางสื่อสังคม ซึ่งระบุว่า ถ่ายจากเมืองพะโค (Bago) ทางภาคกลางของประเทศ แสดงให้เห็นตำรวจกำลังเผชิญหน้ากับฝูงชน และใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดน้ำขับไล่ผู้ประท้วง
ขณะที่สื่อภายในพม่ารายงานว่า ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาขับไล่ผู้ชุมนุม รวมทั้งจับกุมผู้ประท้วงไปอย่างน้อย 27 คน
ทั้งนี้ หลังจากชาวพม่านับแสนคนออกมาประท้วงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านการรัฐประหารของฝ่ายทหาร ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ซึ่งถูกฝ่ายทหารควบคุมตัวเอาไว้ ทางด้าน พลเอกพิเศษ มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นผู้นำการรัฐประหารคราวนี้ เมื่อค่ำวันจันทร์ (8) ได้ออกมาปราศรัยถ่ายทอดทางทีวีเป็นครั้งแรก ภายหลังเข้ายึดอำนาจ ยืนยันความชอบธรรมในการยึดอำนาจ โดยใช้ข้ออ้างว่า มีการโกงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น
ผู้นำทหารพม่าผู้นี้ยังให้สัญญาว่าจะสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงและแตกต่างจากยุคเผด็จการทหารในอดีต โดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งที่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองหลายๆ พรรคลงสมัคร และจะมอบอำนาจให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งตามกฎประชาธิปไตย
อย่างไรก็ดี มิน อ่อง หล่าย ไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนในการจัดการเลือกตั้ง มีแต่คำประกาศของกองทัพตั้งแต่ตอนยึดอำนาจว่า จะบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินนาน 1 ปี
นอกจากนั้น ในวันจันทร์ยังมีการประกาศมาตรการหลายข้อเพื่อสกัดการชุมนุมประท้วง เช่น ห้ามชุมนุมกันเกิน 5 คน รวมถึงคำสั่งเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามค่ำคืนในหลายๆ พื้นที่
ทว่า ในวันอังคาร ยังคงมีประชาชนเริ่มออกมารวมตัวกันในพื้นที่ต่างๆ ของเมืองย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าที่ยังคงเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยรวมถึงบริเวณใกล้ที่ทำการพรรค NLD ของ ซูจี
ผู้ประท้วงชูป้ายเรียกร้องให้ปล่อยตัวซูจี ที่ถูกจับไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับผู้นำพลเรือนอีกหลายคน และตะโกนขับไล่เผด็จการ
นักเคลื่อนไหวยังต้องการให้ล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2008 ที่ร่างขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพและให้อำนาจเหล่านายพลคัดค้านมติต่างๆ ในรัฐสภา ขณะที่นักเคลื่อนไหวรุ่นเก่าที่เคยเผชิญหน้ากับทหารในการประท้วงนองเลือดเมื่อปี 1988 เรียกร้องให้ข้าราชการและลูกจ้างรัฐผละงานต่ออีก 3 สัปดาห์
อนึ่ง การต่อสู้แบบอารยะขัดขืนในพม่าคราวนี้ ซึ่งนำโดยพวกบุคลากรทางการแพทย์ กำลังส่งผลให้การตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่พม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญวิกฤตไวรัสรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยยอดผู้เสียชีวิตถึง 31,117 คน จากผู้ติดเชื้อกว่า 141,000 คน
ทางด้านนานาชาติ นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศมาตรการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อต่อต้านการรัฐประหารยึดอำนาจในพม่า ด้วยการสั่งระงับการติดต่อระดับสูง ทั้งทางการเมืองและการทหารทั้งหมดกับพม่า รวมทั้งแบนการเดินทางของเหล่าผู้นำกองทัพแดนหม่อง และตรวจสอบให้แน่ใจว่ากองทัพพม่าจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับความช่วยเหลือที่นิวซีแลนด์อาจมอบให้แก่พม่า
นอกจากนั้น เมื่อวันอังคาร นักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่งของสิงคโปร์ ยังมีแผนยกเลิกการลงทุนในบริษัทยาสูบพม่าที่มีสัมพันธ์กับกองทัพ ตามรอย คิริน โฮลดิ้งส์ บริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ประกาศยุติการร่วมทุนผลิตเบียร์กับหุ้นส่วนในพม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ เท่าที่ผ่านมา ถึงแม้นานาชาติพากันประณามการยึดอำนาจของกองทัพพม่า แต่กลับไม่มีมาตรการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ล่าสุด เมื่อวันจันทร์หลังจากรัฐบาลทหารพม่าส่งสัญญาณปราบปรามผู้ประท้วง เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา ได้ออกแถลงย้ำเคียงข้างชาวพม่าและสนับสนุนสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งรวมถึงการชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
ไพรซ์ เสริมว่า กองทัพพม่าปฏิเสธคำขอของวอชิงตันในการพูดคุยกับซูจี
ทางด้านคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตรียมจัดประชุมพิเศษในวันศุกร์ (12) เพื่อหารือสถานการณ์ในพม่า
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
