วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ควรให้เฉพาะกับบุคคลอายุระหว่าง 18-64 ปี จากคำแนะนำของคณะกรรมการวัคซีนของเยอรมนีในวันพฤหัสบดี (28 ม.ค.) หนึ่งวันก่อนหน้าที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบสหภาพยุโรปจะตัดสินใจว่าจะอนุมติวัคซีนของผู้ผลิตยาแห่งนี้หรือไม่
คำแนะนำของเยอรมนีมีขึ้นในขณะที่สหภาพยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญกับอุปทานวัคซีนไม่เพียงพอ ได้มีคำเตือนถึง แอสตราเซเนกา ให้ส่งมอบวัคซีนตามคำสัญญา แม้มีปัญหากำลังผลิตไม่เพียงพอในไตรมาสแรก อันมีต้นตอจากเหตุขัดข้องในระบบห่วงโซ่อุปทานในยุโรป
คณะกรรมการวัคซีนของเยอรมนี หรือที่เรียกว่า STIKO ระบุในร่างคำแนะนำที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขในวันพฤหัสบดี (28 ม.ค.) ว่า “ปัจจุบันยังมีข้อมูลไม่มากพอสำหรับประเมินประสิทธิภาพวัคซีนกับบุคคลอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป”
ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปอนุมัติวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม และไฟเขียววัคซีนของโมเดอร์นาในช่วงต้นเดือนมกราคม ซึ่งวัคซีนทั้งสองตัวอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA
สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของทางกลุ่ม มีกำหนดออกคำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนที่แอสตราเซเนการ่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในวันศุกร์ (29 ม.ค.)
ทาง STIKO ระบุว่า นอกเหนือจากเงื่อนไขทางอายุสำหรับผลิตภัณฑ์ของแอสตราเซเนกาแล้ว วัคซีนทั้ง 3 ตัวเหมาะสมสำหรับการใช้พอๆ กัน โดยคำประเมินดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลจากการทดลองเดียวกันที่เผยแพร่บน The Lancet วารสารด้านการแพทย์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
เมื่อวันจันทร์ (25 ม.ค.) แอสตราเซเนกา ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขาไร้ประสิทธิภาพอย่างมากกับผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป หลังสื่อมวลชนเยอรมนีรายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่มีความกังวลว่าวัคซีนของบริษัทแห่งนี้อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรป สำหรับใช้กับคนชรา
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ สำนักงานยาแห่งยุโรป เผยว่า ทางหน่วยงานแห่งนี้น่าจะชี้ถึงการขาดแคลนข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ในคนชรา และสำหรับตอนนี้ จะปล่อยให้ชาติสมาชิกแต่ละประเทศ เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะละเว้น หรือนับรวมกลุ่มคนสูงวัยในโครงการฉีดวัคซีนหรือไม่
จากข้อมูลที่เผยแพร่โดย STIKO พบว่า ในบรรรดาอาสาสมัคร 11,636 คน ที่ถูกนำมาวิเคราะห์ มีอยู่เพียง 5.7% เท่านั้น ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ภายในกลุ่มคนชรา พบว่า มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน 1 คน จาก 341 คน และ 1 คน จาก 319 คน ที่ไม่ได้รับวัคซีน ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้เป็นสิ่งยากที่จะได้ข้อสรุปทางสถิติที่มีความน่าเชื่อถือ
ผู้บริหารระดับสูงของแอสตราเซเนกา ระบุว่า ทางบริษัทมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงวัยน้อยกว่าผู้ผลิตยาอื่นๆ สืบเนื่องจากเริ่มทำการฉีดวัคซีนในคนชราช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ พร้อมยืนยันในวันพฤหัสบดี (28 ม.ค.) ผลวิเคราะห์ล่าสุดของข้อมูลการทดลองทางคลินิก พบว่ามันมีประสิทธิภาพกับผู้สูงวัยอายุเกิน 65 ปี “เรารอการตัดสินใจด้านกฎระเบียบของสำนักงานยาแห่งยุโรป เกี่ยวกับวัคซีนของเรา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
นอกจากแอสตราเซเนกาแล้ว ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค ก็แถลงส่งมอบวัคซีนแก่สหภาพยุโรปล่าช้าเช่นกัน และทาง เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเยอรมนี เตือนว่า ปัญหาขาดแคลนอาจลากยาวจนถึงเดือนเมษายน
(ที่มา: รอยเตอร์)