xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทางกัญชา-กัญชง จากจองจำมาใช้ทางการแพทย์ สู่พืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



     นับเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับคนไทยได้เฮ! ….กับนโยบาย กัญชา-กัญชง ภายหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้ ปลดล็อกทุกส่วน ยกเว้น! ช่อดอก เปิดโอกาสให้ประชาชนใช้ประโยชน์ทางสุขภาพมากขึ้น พร้อมส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้สู่ประชาชน



ตลอดช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา จากกระแสสังคมโลก รวมทั้งในประเทศไทยได้มีการพูดถึงเรื่องการปลดล็อคให้มีการนำพืชกัญชามาใช้อย่างถูกกฎหมาย สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย นับตั้งแต่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติยาเสพติด (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 เมื่อเดือน ก.พ.2562 ที่ผ่านมา  
ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยเล็งเห็นถึงประโยชน์ของกัญชาในทางการแพทย์ และนำมาบรรจุเป็นนโยบายหาเสียง โดยนับตั้งแต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ารับตำแหน่งเพียงไม่นาน นโยบายกัญชาและส่งเสริมการปลูกพืชกัญชาเพื่อการแพทย์ได้ถูกบรรจุไว้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล และได้เริ่มต้นผลักดันแก้ไขกฎ ระเบียบต่างๆ ที่มีในความรับผิดชอบ เพื่อปลดล็อกให้นำสารสกัดจากกัญชา-กัญชงมาใช้ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การวิจัย ได้สำเร็จลุล่วง แต่ยังไม่ครอบคลุมไปถึงการใช้เพื่อความบันเทิงและสันทนาการ การผลักดันนโยบายกัญชาจึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยพรรคภูมิใจไทย

      จนกระทั่ง วันที่ 13 ก.ย. 2562 ได้มีการเสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ…. และร่าง พ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย พ.ศ.... เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา เพื่อปลดล็อกกัญชาให้สามารถใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแพร่หลาย และประชาชนสามารถปลูกได้ตามนโยบายที่พรรคภูมิใจไทย หาเสียงไว้     
แม้ประเทศไทยจะเพิ่งดำเนินการปลดล็อคให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ในปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลากว่า 1 ปี แต่ปรากฏการณ์ทางสังคมด้านนโยบายเริ่มปรากฏออกมาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผลการดำเนินงานทางด้านการแพทย์จัดอยู่ในระดับที่ดี บุคลากรทางการแพทย์เริ่มให้การยอมรับยากัญชามากขึ้น และผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยากัญชาได้จากสถานพยาบาลใกล้บ้าน 490 แห่งทั่วประเทศ มีผู้รับบริการกว่า 23,797 ครั้ง ประชาชนสามารถปลูกและส่งให้กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกในการนำไปผลิตยาทั้ง 16 ตำรับ ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ได้ผ่านเฟสที่ 1 กล่าวคือ การอนุญาตให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการใช้กัญชาในทางการแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เฟสที่ 2 คือ การปรับการเข้าถึงกัญชาสู่ระดับชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยในชุมชนทุกรายมีสิทธิในการเข้าถึงกัญชาในการรักษาตนเองแบบวิถีชาวบ้าน

     นับว่าเป็นโอกาสดีของประชาชน เกษตรกร และผู้ที่สนใจปลูกกัญชา-กัญชงสามารถรวมกลุ่ม 7 คนเป็นวิสาหกิจชุมชนได้ ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ โดยการขออนุญาตปลูกพืชกัญชา-กัญชง ถือเป็นเรื่องใหม่ ทำให้มองเป็นเรื่องยาก แต่หากทำตามขั้นตอนและคำแนะนำจาก อย. รับรองต้องได้ปลูกอย่างแน่นอน    
ทั้งนี้ต้องขออนุญาตจาก อย. และต้องแจ้งว่าจะนำส่วนประกอบของพืชกัญชา-กัญชง ไปใช้ในรูปแบบใด และจำหน่ายให้กับใคร โดยต้องทำรายงานที่ชัดเจน และผู้ที่จะรับส่วนประกอบนั้นๆ ไปต้องรับจากผู้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายในปัจจุบันส่งเสริมในการใช้ทุกส่วนของพืชกัญชา-กัญชง ที่ไม่เป็นยาเสพติดได้

     อย่างไรก็ตามย้อนไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงข่าวภายหลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป ว่า ตามที่มติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2563 จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เพื่อปลดล็อกส่วนของกัญชาและกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติดนั้น ซึ่งท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศดังกล่าวและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2563 ซึ่งประกาศฉบับนี้เป็นการปลดปล่อยส่วนต่างๆ ของกัญชาพ้นจากยาเสพติดเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทางการแพทย์ และสุขภาพตามวิถีพื้นบ้านได้

     ในทางมิติเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินงานตามนโยบาย เพื่อผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์กัญชา-กัญชง มากยิ่งขึ้น เริ่มทยอยประกาศกฎหมาย ซึ่งฉบับแรกที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชงในเครื่องสำอาง มีผลใช้บังคับแล้ว 12 ม.ค. 64 นำร่องใช้น้ำมันและสารสกัดจากเมล็ดกัญชงในเครื่องสำอางเป็นอันดับแรก และจะขยายไปยังส่วนอื่น ๆ ของกัญชง ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอจดแจ้งเครื่องสำอางได้ทุกชนิดตามเงื่อนไขที่กำหนด และในวันที่ 29 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป กฎกระทรวงฯ กัญชงฉบับใหม่ ซึ่งปลดล็อก "กัญชง" ปลูกได้ทุกคน ใช้ได้ทุกวัตถุประสงค์ จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่เปิดให้ทุกภาคส่วนทั้ง เกษตรกร ภาครัฐและเอกชน ประชาชนและบุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขออนุญาตปลูก และนำกัญชงไปใช้ในทุกวัตถุประสงค์ได้ พร้อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งยา อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ     

นอกจากนี้ แผนงานปี 64 แนวโน้มจะมีการปรับบทบาทภาครัฐเป็นส่งเสริม ดึงเอกชน-วิสาหกิจชุมชน ร่วมขับเคลื่อนนโยบายกัญชาในทุกกิจกรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การผลิต การจำหน่าย เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น










กำลังโหลดความคิดเห็น