29 ม.ค.นี้ ปลดล็อกกัญชงใช้ได้ทุกวัตถุประสงค์ เพื่อสุขภาพ และแปรรูปผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้สู่ประชาชน วิสาหกิจฯ
วันนี้ (25 ม.ค.) นางอรพินทร์ พญาพิทักษ์สกุล ที่ปรึกษาวิสาหกิจกลุ่มปลูกและแปรรูปบุกเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม กล่าวถึงกรณีกฎกระทรวงกัญชงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 มกราคม 2564 ว่ากระทรวงสาธารณสุขโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ผลักดันแก้กฎหมายนำกัญชงมาใช้ประโยชน์ในด้านการการศึกษาวิจัย นำทำผลิตภัณฑ์ อาหาร ยา เครื่องสำอาง สมุนไพร เสื้อผ้า เสื้อเกราะ กระดาษ ฉนวนกันความร้อน ฯลฯ โดยเกษตรกรต้องรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนชุมชน 7 คน ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ต้องมีต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และยื่นโครงการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขออนุญาตปลูกและส่งให้กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ในการนำไปผลิตยาทั้ง 16 ตำรับ
ทั้งนี้ กฎกระทรวงฯ กัญชงฉบับใหม่ซึ่งปลดล็อก “กัญชง” ที่เปิดให้ทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร ภาครัฐและเอกชน ประชาชนและบุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขออนุญาต และนำกัญชงไปใช้ในทุกวัตถุประสงค์ จะประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 29 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป
“กัญชงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนทั้งใบ ราก กิ่ง ก้าน ลำต้น และดอก ดิฉันมีแผนงานที่จะทำผลิตภัณฑ์แปรรูปกัญชง อาทิ ชาจากใบกัญชงใช้ชงดื่มเพื่อช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ราก กิ่ง ก้านใช้ทำยารักษาโรคเกาต์ ส่วนลำต้นใช้ทำกระเป๋า และพัฒนาเป็นหลอดกาแฟ สำหรับดอกซึ่งมีสาร CBD ใช้ทำอาหารเสริม อาหารสัตว์ เวชสำอาง เครื่องสำอาง และยารักษาโรค ซึ่งการนำส่วนต่างๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ทั้งยา อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะต้องขออนุญาตตามกฎหมายจาก อย. โดยเครื่องสำอาง ซึ่งมีข้อกำหนดต้องไม่มีสาร THC จะต้องขออนุญาตจากกลุ่มเครื่องสำอาง ส่วนอาหารจะต้องขออนุญาต อย.ในกลุ่มอาหารโดยตรง” นางอรพินทร์กล่าว
ทั้งนี้ วิสาหกิจกลุ่มปลูกและแปรรูปบุกเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จัดเป็นวิสาหกิจชุมชนที่เป็นทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำแบบครบวงจร ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยฯ ในการพัฒนาสารสกัดต่างๆ มีตลาดพร้อมรองรับ โดยอนาคตจะสกัดสาร CBD และแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกต่างประเทศ รวมถึงสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การเรียนรู้ มีชอปขายสินค้าแปรรูปจากกัญชา-กัญชง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาได้มากขึ้น
นอกจากนี้ นางอรพินทร์ยังกล่าวชื่นชมและขอบคุณนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้พยายามผลักดัน ในปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563) ได้ดำเนินการสนับสนุนกัญชา กัญชง ทางการแพทย์ จนทำให้คลินิกกัญชาทางการแพทย์ แล้วในปี พ.ศ. 2564 มีวิสัยทัศน์ และเปิดโอกาสให้กับกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนได้ต่อยอดให้กัญชา-กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้สู่ประชาชนต่อไปได้