เอเจนซีส์ - ‘สี’ แซะ ‘ไบเดน’ เตือนอย่าเริ่ม “สงครามเย็นรอบใหม่” ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวย้ำปักกิ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญซึ่งคณะบริหารจะจัดการรับมืออย่าง “อดทน” เวลาเดียวกัน สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ระอุขึ้นอีกครั้ง โดยจีนประกาศซ้อมรบในสัปดาห์นี้ โวยวอชิงตันแสดงอำนาจบาตรใหญ่ด้วยการส่งเครื่องบินและเรือรบรุกล้ำน่านน้ำบริเวณนี้บ่อยครั้ง ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคแต่อย่างใด
ในวันจันทร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่แห่งเดียวในโลกที่เศรษฐกิจยังคงมีอัตราเติบโตเป็นบวกท่ามกลางโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ได้รับเชิญขึ้นพูดที่เวทีการประชุมของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปีนี้จัดแบบเสมือนจริง โดยเขาประกาศย้ำท่าทีว่า จีนเป็นผู้ปกป้องระบบพหุภาคีของโลก
ประมุขแดนมังกรเรียกร้องให้ผู้นำโลกส่งเสริมการร่วมมือกันในด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในด้านธรรมาภิบาลเศรษฐกิจโลก และเพิ่มบทบาทของกลุ่ม จี 20
สีสำทับว่า การแยกไปสร้างกลุ่มก๊วนเล็กๆ หรือเริ่มเปิดสงครามเย็นครั้งใหม่ขึ้นมา การปฏิเสธ คุกคาม หรือข่มขู่ประเทศอื่นๆ รังแต่ทำให้โลกแตกแยก
คำเตือนนี้ดูเหมือนเป็นการส่งข้อความถึงโจ ไบเดน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีแผนฟื้นเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรต่างๆ ทั่วโลกของอเมริกา เพื่อรับมืออิทธิพลที่แผ่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ของปักกิ่ง
แม้ไบเดนโละทิ้งนโยบายหลายอย่างของทรัมป์ แต่เขาส่งสัญญาณชัดเจนว่า อเมริกาจะมุ่งปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และเมื่อวันจันทร์เพิ่งลงนามคำสั่งให้หน่วยงานรัฐจัดซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทท้องถิ่นเป็นอันดับแรกภายใต้นโยบายเดิมคือ “บาย อเมริกัน” ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการผลิตและปกป้องตำแหน่งงานภายในประเทศ
วันเดียวกัน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ข้อเรียกร้องให้ร่วมมือกันของสี ไม่ได้ทำให้แนวทางยุทธศาสตร์ของคณะบริหารไบเดนต่อจีน มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนแสดงความเป็นเผด็จการในประเทศมากขึ้น ก้าวร้าวกับประเทศอื่นมากขึ้น และขณะนี้ ปักกิ่งถือเป็นความท้าทายต่อความมั่นคง ความมั่งคั่ง และค่านิยมที่สำคัญ ซึ่งทำให้อเมริกาต้องใช้แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ใหม่และจะรับมือจัดการกับจีนอย่างอดทน
ซากีสำทับว่า ทำเนียบขาวจะร่วมมือกับพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในรัฐสภา ตลอดจนถึงพันธมิตรทั่วโลกเกี่ยวกับประเด็นนี้ในเร็วๆ นี้
สำหรับคำถามว่า ไบเดนจะใช้มาตรการเข้มงวดกับหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ของจีนต่อไปหรือไม่นั้น ซากีตอบว่า การสอดแนมทางอุตสาหกรรมและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของจีนยังคงเป็นสิ่งที่คณะบริหารชุดนี้กังวล และตระหนักถึงความจำเป็นในการยกระดับการป้องกัน ซึ่งรวมถึงการทำให้จีนรับผิดชอบแนวทางปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมและผิดกฎหมายของตนเอง รวมทั้งทำให้แน่ใจว่า เทคโนโลยีของอเมริกาจะไม่ถูกจีนนำไปใช้เพื่อสร้างสมแสนยานุภาพทางทหาร
ความขัดแย้งไม่ลงรอยกันระหว่างจีนกับคณะบริหารไบเดน ทำท่าว่าไม่ได้มีเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจและการค้าเท่านั้น โดยในวันอังคาร (26) จีนประกาศจะทำการซ้อมรบในทะเลจีนใต้สัปดาห์นี้ หลังจากหมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ของสหรัฐฯ แล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (23) หรือหลังจากไบเดนเข้ารับตำแหน่ง 3 วัน โดยอ้างภารกิจเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือ
สำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของจีนประกาศในวันอังคาร ห้ามเดินเรือเข้าสู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทางใต้ของคาบสมุทรเหลยโจว ระหว่างวันที่ 27-30 นี้ แต่ไม่ได้ระบุกรอบกำหนดเวลาและระดับในการซ้อมรบ
นอกจากนั้นเมื่อวันจันทร์ จีนยังโวยว่า อเมริกาส่งเครื่องบินและเรือรบรุกล้ำทะเลจีนใต้บ่อยครั้งเพื่อ “แสดงอำนาจ” ซึ่งการกระทำเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคแต่อย่างใด
ทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญของโลกกลายเป็นจุดร้อนที่ทำให้ความสัมพันธ์จีน-อเมริการะอุยิ่งขึ้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองทัพอเมริกันเข้าไปปฏิบัติภารกิจในบริเวณดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่ปักกิ่งอ้างอธิปไตยเหนือน่านน้ำนี้แทบทั้งหมด ทำให้เกิดข้อพิพาทกับชาติเพื่อนบ้านซึ่งต่างอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน