รอยเตอร์ - คณะบริหารไบเดน เตรียมออกนโยบายเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้าเพื่อจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเร่งจีนให้ยกระดับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนั้นไบเดนยังแจ้งผู้นำเม็กซิโกว่า จะยกเลิก “กฎเหล็ก” ของทรัมป์เกี่ยวกับคนเข้าเมือง
จีนา แม็กคาร์ธี ที่ปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ได้ระบุว่าจะมีการเปิดเผยนโยบายใด กระนั้น รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงบันทึกภายในเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเปิดเผยคำสั่งฝ่ายบริหารชุดที่ 2 อย่างเร็วที่สุดในวันพุธ (27 ม.ค.) ซึ่งรวมถึงคำสั่งรวมเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในประเทศ และยกระดับปัญหานี้เป็นภารกิจสำคัญด้านความมั่นคงของชาติ
ไบเดนที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ออกคำสั่งฝ่ายบริหารชุดแรกอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการยกเลิกโครงการท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอลที่จะนำเข้าน้ำมันจากทรายน้ำมันของแคนาดา และกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีส 2015 เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งล้วนเป็นการยกเลิกนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาได้ยกเลิกกฎข้อบังคับราว 100 ฉบับเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และเดินหน้านโยบายการเป็นผู้นำด้านพลังงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและการส่งออกน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินแทน
จอห์น เคร์รี ผู้แทนพิเศษด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไบเดน กล่าวเมื่อวันเสาร์ (23 ม.ค.) ว่า คำมั่นสัญญาของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก “ไม่ดีพอ”
ทั้งนี้ เดือนกันยายน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กำหนดเป้าหมายว่า จีนจะเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 หรือช้ากว่ากรอบเวลาที่ประเทศส่วนใหญ่สนับสนุนถึง 10 ปี รวมทั้งยังกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระยะสั้นที่ดูทะเยอทะยานมากกว่า
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในปี 2015 เคร์รีเคยผลักดันให้จีนร่วมหารือในที่ประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และตอนนี้คณะบริหารของไบเดนกำลังเริ่มกดดันทางการทูตให้ประเทศต่างๆ พยายามมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้
เคร์รีเผยว่า บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของยุโรปต่างบอกว่า ตั้งความหวังไว้สูงมากกับคณะบริหารของไบเดน หลังจากที่อเมริกาในยุคทรัมป์ยุติการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศมาหลายปี
เขายังกล่าวอีกว่า อเมริกาในฐานะประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับ 2 ของโลก ต้องทำมากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 และสำทับว่า คณะบริหาร นายกเทศมนตรี และผู้นำท้องถิ่นอื่นๆ จะต้องช่วยกันโน้มนาวให้คนอเมริกันเชื่อว่า การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ด้านทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ (22 ม.ค.) กับประธานาธิบดีแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโก ไบเดนได้บอกเล่าแผนการคร่าวๆ ในการสร้างแนวทางทางกฎหมายใหม่สำหรับผู้อพยพ และปรับปรุงกระบวนการสำหรับผู้ที่ต้องการขอลี้ภัย โดยในบรรดาเป้าหมายสำคัญอันดับแรกๆ จะรวมถึงการยกเลิก “กฎเหล็ก” เกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมืองที่แข็งกร้าวของคณะบริหารชุดก่อน ผู้นำทั้งสองประเทศยังตกลงร่วมกันลดการโยกย้ายถิ่นฐานในรูปแบบไม่ปกติ
เม็กซิโกมีบทบาทสำคัญต่อแผนการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองของไบเดน ต้นเดือนนี้เม็กซิโกช่วยประสานกับประเทศต่างๆ ในอเมริกากลางเพื่อสกัดคาราวานคนเข้าเมืองจำนวนมากที่มุ่งหน้าสู่อเมริกา
กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโกยังแถลงว่า ได้เริ่มหารือกับวอชิงตันเรื่องคำสั่งของไบเดนเกี่ยวกับโควิด-19 ในการกำหนดมาตรการด้านสุขภาพที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าสู่อเมริกา ทางด้าน โลเปซ โอบราดอร์ทวิตว่า การพูดคุยกับไบเดนเป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตาม การเข้ารับตำแหน่งของไบเดนเกิดขึ้นขณะที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดจากการที่อเมริกายุติการสอบสวนซัลวาดอร์ เซียนฟวยโก อดีตรัฐมนตรีกลาโหมเม็กซิโก
การปราบปรามการเข้าเมืองทั้งโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเป็นเป้าหมายหลักของทรัมป์ ขณะที่ไบเดนกำลังผลักดันร่างกฎหมายปูทางสำหรับการขอสัญชาติของประชาชน 11 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาแบบผิดกฎหมาย แม้ว่าพันธมิตรในรัฐสภายอมรับว่า อาจเป็นงานหินก็ตาม