xs
xsm
sm
md
lg

‘ไบเดน’ ลุยล้างนโยบายสุดขั้วของ ‘ทรัมป์’ ทันทีที่สาบานตนรับตำแหน่งโดยประกาศเป็นประธานาธิบดีของอเมริกันชนทั้งมวล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไบเดนทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างราบรื่น ย้ำสร้างความสามัคคีและเยียวยารอยร้าวลึกในประเทศ ท่ามกลางวิกฤตรอบด้านทั้งโรคระบาดและเศรษฐกิจ เดินหน้าลุยงานทันทีหลังเข้าสู่ทำเนียบขาวด้วยการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 15 ฉบับรวด ล้มเลิกนโยบายหลายอย่างของทรัมป์ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีหมาดๆ อวยพรคณะบริหารชุดใหม่โดยไม่เอ่ยชื่อไบเดน พร้อมประกาศจะกลับมาอีกครั้ง “ในบางรูปแบบ”

หลังเที่ยงวันเล็กน้อยของวันพุธ (20 ม.ค.) ซึ่งตรงกับหลังเที่ยงคืน เวลาในเมืองไทย โจ ไบเดน ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่บริเวณด้านหน้าของ “แคปิตอล” หรืออาคารรัฐสภาอเมริกันในกรุงวอชิงตัน ที่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วถูกม็อบหนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ลุยเข้าไปโจมตี

จากเวทีตรงเชิงบันไดอาคารแคปิตอล หันหน้าไปตามลาน “เนชั่นแนลมอลล์” ที่ว่างเปล่าร้างผู้คน เนื่องจากมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดและการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ไบเดนกล่าวปราศรัยภายหลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า อเมริกาควรยุติสงครามที่ไม่ศิวิไลซ์ ที่สร้างความแตกแยกระหว่างผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตกับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน คนชนบทกับคนเมืองใหญ่ อนุรักษนิยมกับเสรีนิยม และร่วมกันสร้างเรื่องราวใหม่แห่งความหวัง ความสามัคคี ความสดใส ความสุภาพนอบน้อม ความรัก การเยียวยา และความดีงาม

ไบเดนยังขอโอกาสจากประชาชนที่ไม่ได้เลือกเขา โดยประกาศว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับคนอเมริกันทั้งหมด ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนับสนุนตนเท่านั้น เขาเสริมว่า อเมริกาจะต้องจัดการปัญหาการลุกฮือของลัทธิสุดโต่งด้านการเมือง ลัทธิคนขาวเป็นใหญ่ การก่อการร้ายภายในประเทศที่กำลังเผชิญอยู่

ไม่นานหลังจากเดินทางเข้าสู่ทำเนียบขาวในช่วงบ่ายวันพุธ ไบเดนซึ่งบอกว่า ไม่มีเวลาจะเสียอีกต่อไป ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวน 15 ฉบับ เพื่อกำหนดแนวทางใหม่และล้มเลิกนโยบายสุดขั้วต่างๆ ของทรัมป์ ในจำนวนนี้มีทั้งการระงับถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) การกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การระงับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก และการยกเลิกคำสั่งแบนการเดินทางจากบางประเทศมุสลิม เป็นต้น

ฟื้นสัมพันธ์พันธมิตร

นอกจากส่งสารถึงอเมริกันชนแล้ว ไบเดนยังให้สัญญาจะเยียวยาความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร และเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความมั่นคง แต่ไม่ได้เอ่ยเฉพาะเจาะจงถึงข้อพิพาทที่มีเดิมพันสูงยิ่งกับเกาหลีเหนือ อิหร่าน และจีน

ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำทั่วโลกต่างออกคำแถลงแสดงความยินดีกับไบเดน โดยพันธมิตรของอเมริกาหลายประเทศพากันแสดงความรู้สึกโล่งใจ หลังจากต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ของทรัมป์ รวมถึงนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของอดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้

ไบเดน วัย 78 ปี ถือเป็นประธานาธิบดีอเมริกาที่อายุมากที่สุด และเขาต้องพากเพียรพยายามอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1987 ทีเดียว เพื่อให้ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้

ในอีกด้านหนึ่ง ณ พิธีสาบานตนที่หน้าแคปิตอล กมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้อพยพที่บิดาเป็นคนจาไมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย ก็ได้สาบานตัวเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกา อีกทั้งยังเป็นคนผิวสีและคนเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งรองประมุขของอเมริกา

ตำแหน่งของเธอมีความสำคัญมากเป็นพิเศษในจังหวะเวลานี้ เนื่องจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีที่นั่งในวุฒิสภาเท่ากันคือฝ่ายละ 50 ที่นั่ง แต่การที่รองประนาธิบดีมีฐานะเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง และสามารถลงคะแนนชี้ขาดได้ จึงทำให้พรรคเดโมแครตได้กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาสูงอีกครั้ง โดยภาระหน้าที่สำคัญของวุฒิสภาในเฉพาะหน้านี้ ได้แก่การพิจารณารับรองผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งสำคัญๆ ในคณะบริหารชุดใหม่ ทั้งนี้ สภาสูงได้อนุมัติรับรองผู้ที่ไบเดนเสนอชื่อเป็นคนแรกแล้วเมื่อวันพุธ ได้แก่ แอฟริล เฮย์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ด้าน เจน ซากี โฆษกหญิงของไบเดน เผยว่า ผู้นำต่างชาติคนแรกที่ไบเดนจะโทรศัพท์ไปหาในวันศุกร์ (22) คือ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา หลังจากไบเดนสั่งระงับโครงการท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอลที่กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อต้าน แต่แคนาดาให้การสนับสนุน

วอชิงตันแทบเป็นเมืองร้าง

บริเวณใจกลางกรุงวอชิงตันเกือบกลายสภาพเป็นเมืองร้าง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด โดยมีทหาร 25,000 นายจากกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนลการ์ด) ที่ปิดกั้นการเข้าออกบริเวณศูนย์กลางเมือง เนื่องจากมีคำเตือนจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ว่า กลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนทรัมป์อาจก่อความรุนแรงระหว่างพิธีสาบานตนของไบเดนทั้งในวอชิงตัน ดีซี และ 50 มลรัฐทั่วประเทศ

ลานเนชันแนลมอลล์ที่ปกติแล้วอัดแน่นด้วยผู้สนับสนุนประธานาธิบดีระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง กลับถูกแทนที่ด้วยธงชาติสหรัฐฯ เกือบ 200,000 ผืน เป็นสัญลักษณ์แทนคนอเมริกันที่ไม่สามารถไปร่วมพิธี ขณะที่แขกที่ไปร่วมเป็นสักขีพยานซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบิลล์ คลินตัน ต่างสวมหน้ากากและนั่งเว้นระยะห่างจากกัน

ไบเดนซึ่งประกาศยกระดับโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครั้งใหญ่ เตือนว่า สถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายและรุนแรงที่สุดยังรออยู่เบื้องหน้า ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในอเมริกาขณะนี้เกิน 400,000 คนแล้ว

ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประชาชนละทิ้งอุดมคติทางการเมืองและร่วมกันต่อสู้เพื่อเอาชนะวิกฤตไวรัส

ทรัมป์ลั่นวันหนึ่งจะกลับมา

ทางด้านทรัมป์ที่กล่าวอ้างมาตลอดว่า ถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้ง ทำลายประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติมา 152 ปีด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนของไบเดน

ที่ผ่านมา ทรัมป์ไม่เคยยอมรับและแสดงความยินดีต่อชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน อีกทั้งไม่เชิญไปจิบชาในห้องทำงานรูปไข่ก่อนส่งมอบตำแหน่ง กระนั้น ไบเดนเผยว่า ทรัมป์ได้ทิ้งจดหมายไว้ให้บนโต๊ะทำงานในห้องทำงานรูปไข่ตามธรรมเนียม โดยมีเนื้อหาที่น่ายินดีมาก แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อความทั้งหมด

สำหรับตัวทรัมป์เอง และ เมลาเนีย ผู้ภรรยา เดินทางออกจากทำเนียบขาวตั้งแต่เช้าวันพุธด้วย “มารีน วัน” เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี ไปยังฐานทัพอากาศแอนดรูส์เพื่อเปลี่ยนไปขึ้น “แอร์ ฟอร์ซ วัน” เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งสุดท้าย มุ่งหน้าสู่รีสอร์ตส่วนตัวในรัฐฟลอริดา

ทรัมป์ที่กลายเป็นผู้นำคนแรกของอเมริกาที่เผชิญกระบวนการถอดถอนถึง 2 ครั้ง ประกาศต่อผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่ฐานทัพอากาศแอนดรูส์ว่า สี่ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อ และสำทับว่า “เราจะกลับมาในบางรูปแบบ”

ทรัมป์ยังอวยพรให้คณะบริหารชุดต่อไปโชคดีและประสบความสำเร็จ โดยไม่เอ่ยชื่อไบเดน

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า บรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งรวมถึงอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และผู้นำในรัฐสภา ต่างเลือกไปร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนแทนการไปส่งทรัมป์เป็นครั้งสุดท้าย

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)
















กำลังโหลดความคิดเห็น