กลุ่มติดอาวุธสนับสนุนทรัมป์ที่เชื่อกันว่า จะเริ่มก่อกวนครั้งใหญ่ตามเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ตั้งแต่วันอาทิตย์ (17 ม.ค.) กลับออกมาชุมนุมบางตาผิดคาดไปมาก ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันมีการตรวจสอบประวัติทหารของกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนลการ์ด) ทั้ง 25,000 คนเพื่อป้องกันทหารแตกแถวป่วนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งไบเดนในวันพุธ (20) นี้เสียเอง
กว่า 10 มลรัฐได้เรียกระดมเนชั่นแนลการ์ดออกรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาของรัฐพวกตน หลังได้รับคำเตือนจากสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ว่า พวกฝ่ายขวาสุดโต่งที่ได้ใจจากการโจมตีรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา จะพกพาอาวุธออกไปประท้วงทั่วประเทศ เพื่อก่อกวนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม เพื่อรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มขวาจัดติดอาวุธ “บูกาลู” ที่นัดหมายประท้วงใน 50 รัฐทั่วอเมริกาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่กลับกลายเป็นว่ามีการชุมนุมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ในบางรัฐเท่านั้น เช่น โอไฮโอ เทกซัส ออริกอน และมิชิแกน
เฉพาะที่กรุงวอชิงตัน มีทหารเนชั่นแนลการ์ดนับหมื่นคน ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ออกตรวจการณ์และประจำอยู่ตามจุดสำคัญๆ ทั่วเมืองเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัย เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับพิธีใหญ่ในวันพุธ ทำให้ตัวเมืองวอชิงตัน อยู่ในสภาพเป็นเมืองร้าง
นอกจากนั้นยังมีความกังวลกันว่า สมาชิกเนชันแนลการ์ดที่ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยพิธีสาบานตนของไบเดน อาจกลายเป็นผู้ก่อความปั่นป่วนเสียเอง
ไรอัน แมคคาร์ธี รัฐมนตรีทบวงทหารบกของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันอาทิตย์ว่า ตนได้เตือนไปยังผู้บังคับบัญชาให้สังเกตและค้นหาว่า ทหารในหน่วยมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งยังไม่พบเบาะแสภัยคุกคามใดๆ เช่นเดียวกับการตรวจสอบของเอฟบีไอ
ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนขานรับว่า กระบวนการตรวจสอบทหารที่ถูกส่งไปวอชิงตัน ดี.ซี. ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อกว่าสัปดาห์ที่แล้ว
ทางด้าน เดวิด โกเมซ อดีตผู้ควบคุมด้านความมั่นคงแห่งชาติของเอฟบีไอในซีแอตเติล เผยว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ เอฟบีไอจะตรวจสอบทหารแต่ละคนโดยค้นหาจากฐานข้อมูลและรายชื่อผู้ที่ต้องจับตามอง ซึ่งอาจรวมถึงผู้ที่เคยถูกสอบสวนหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของแมคคาร์ที การชุมนุมต่อต้านที่ประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ รับรองชัยชนะของไบเดนเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นการก่อเหตุจลาจลนั้น มีทหารจากหลายสังกัดเข้าร่วม แต่ไม่ชัดเจนว่า มีกี่คนที่ร่วมบุกสภาซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน เท่าที่มีรายงานตอนนี้มีทหารหรือสมาชิกเนชันแนลการ์ดเพียง 2 คนที่ถูกจับกุมจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
วันเดียวกัน รอน เคลน ว่าที่ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของไบเดน ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเกี่ยวกับแผนการทำงานของไบเดนเพื่อจัดการวิกฤตมากมายที่อเมริกาเผชิญอยู่ควบคู่กับการเดินหน้ากระบวนการถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งประธานาธิบดีในวันพุธ
ทั้งนี้ ไบเดนต้องการให้คองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันมีแผนให้เร่งระดมฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้ 100 ล้านโดสภายใน 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยที่เรื่องหลังนี้ได้รับการการันตีว่า เป็นไปได้ จากแอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของอเมริกา
แต่ที่น่าจะมีปัญหาเห็นจะเป็นกระบวนการถอดถอนทรัมป์ในวุฒิสภา โดยเมื่อวันอาทิตย์ วุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกันและหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ ท้วงว่า การถอดถอนทั้งที่ทรัมป์พ้นตำแหน่งแล้วไม่ได้ช่วยอะไร ทั้งยังวิจารณ์ว่าแผนการในช่วง 100 วันแรกของไบเดนถือเป็นการดำเนินนโยบายสังคมนิยมอย่างก้าวร้าวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
กระนั้น เคลนย้ำจุดยืนของไบเดนว่า วุฒิสภาที่เดโมแครตจะเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากนับจากวันพุธเป็นต้นไป ควรสามารถดำเนินการไปพร้อมกัน ทั้งการไต่สวนเพื่อถอดถอนทรัมป์ และการพิจารณารับรองตัวบุคลากรของคณะบริหารใหม่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
เขาสำทับด้วยว่า ภายหลังสาบานตนแล้ว ตั้งแต่บ่ายวันพุธ ไบเดนก็สามารถใช้อำนาจฝ่ายบริหารในหลายๆ เรื่อง โดยไม่ต้องรอส่งให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติก่อน เริ่มจากการยกเลิกนโยบายหลายๆ อย่างของทรัมป์ เป็นต้นว่า การกลับไปเป็นภาคีข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการเพิกถอนคำสั่งห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐฯของพลเมืองประเทศมุสลิมบางประเทศ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)