อเมริกาสยอง!! ยอดตายจากโควิดจ่อทะลุ 4แสน เร็วๆ นี้ ขณะจีนเจอระบาดแรงสุดรอบเกือบ 1 ปี
ด้านทีมผู้เชี่ยวชาญอิสระชี้ปักกิ่งน่าจะมีมาตรควบคุมที่ดีกว่าเพื่อสกัดไวรัสโคโรนาตั้งแต่ต้นมือ พร้อมตำหนิ WHO ล่าช้าในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น 118 คนในวันจันทร์ (18 ม.ค.) นับเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันที่พบเคสใหม่เกิน 100 คน โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น 106 คน
ขณะเดียวกัน ชาวจีนหลายสิบล้านคนกำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ บางเมืองทางตอนเหนือของประเทศมีการตรวจหาผู้ติดเชื้อครั้งใหญ่ท่ามกลางความกังวลว่า โควิด-19 อาจระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนเดือนหน้าซึ่งประชาชนหลายร้อยล้านคนจะออกเดินทางกลับบ้าน
จีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 89,454 คน และผู้เสียชีวิต 4,635 คนนับจากที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติขององค์การอนามัยโลก (WHO) เดินทางถึงเมืองดังกล่าวแล้วและอยู่ระหว่างกักตัว ก่อนเริ่มตรวจสอบหาที่มาที่ไปของการระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ (18) คณะผู้เชี่ยวชาญอิสระเพื่อตรวจสอบวิกฤตโรคระบาดที่นำโดยเฮเลน คลาร์ก อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ อดีตประธานาธิบดีไลบีเรีย ได้เปิดเผยรายงานฉบับที่ 2 ที่เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร WHO ในวันอังคาร (19) ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า จีนน่าจะดำเนินการมาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้นกว่าที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้วเพื่อสกัดการระบาด
ขณะที่ หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันตามปกติเมื่อวันอังคาร (20) ยอมรับว่า จีนควรทำได้ดีกว่านั้น แต่เธอบอกต่อไปว่านี่ไม่ได้หมายความว่า จีนไม่ได้พยายามมากพอ ด้านโกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกมาปกป้องมาตรการรับมือของรัฐบาลแดนมังกร โดยบอกว่าไม่มีประเทศไหนเคยมีประสบการณ์ในการจัดการกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาก่อน
สำหรับรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระยังวิจารณ์ว่า องค์การอนามัยโลกเชื่องช้าเกินไปในช่วงแรกที่โควิดระบาด เช่น กว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมาธิการฉุกเฉินก็รอจนถึงวันที่ 22 มกราคมปีที่แล้ว แถมคณะกรรมาธิการยังตกลงกันไม่ได้ในการประกาศว่า โควิด-19 เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างประเทศ จนกระทั่งอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง และกว่าจะยอมประกาศว่า เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลกก็ต่อเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020 แล้ว
รายงานยังระบุว่า ทั้ง WHO และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ล้วนล่าช้าในการเตือนประชาชนว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อระหว่างคนกับคน ซึ่งรวมถึงคนที่ไม่แสดงอาการ
สำหรับที่อเมริกา เว็บไซต์ติดตามโรคโควิด-19 ของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นใน 30 รัฐและวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะที่ยอดรวมสะสมทั่วประเทศทะลุ 398,000 คน
เอลลี เมอร์เรย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบอสตัน ชี้ว่า สาเหตุมาจากการสังสรรค์คลุกคลีกันในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ลากยาวมาถึงคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงการที่นักเรียนนักศึกษากลับเข้าห้องเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
เวลานี้ อเมริกายังมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์ โดยศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) เตือนว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษอาจเป็นสายพันธุ์หลักที่ทำให้เกิดการระบาดในสหรัฐฯภายในเดือนมีนาคม พร้อมระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 50%
ขณะเดียวกัน ซาลิม อับดุล การิม นักระบาดวิทยาชั้นนำของแอฟริกาใต้ เตือนเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดอาจไม่มีภูมิคุ้มกันมากนักต่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นไวรัสกลายพันธุ์หนึ่งในหลายๆ สายพันธุ์ที่พบในช่วงไม่กี่เดือนนี้ และสามารถระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 50% เช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม
นอกจากนั้น วิลเลม ฮาเนคอม นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งแอฟริกา ยังยืนยันว่า เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างครอบคลุมจึงไม่มีแนวโน้มว่า ไวรัสกลายพันธุ์จะต้านทานวัคซีนได้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)