สั่งล็อกดาวน์กรุงวอชิงตัน รับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่วนเดลต้า แอร์ไลน์ส ออกข้อจำกัดใหม่ต่อผู้โดยสารที่เดินทางสู่เมืองหลวงของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ขณะที่เดโมแครตตอกย้ำคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงทางการเมือง แม้กระทั่งหลังจากผ่านพ้นพิธีสาบานตนวันที่ 20 มกราคมไปแล้ว
โรงแรม, สายการบิน และภาคธุรกิจอื่นๆ ต่างยกระดับรักษาความปลอดภัย ส่วนทางการมีแผนประจำการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิอย่างน้อย 20,000 นายในเมืองแห่งนี้ ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งแสดงความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรุุนแรง ถึงขั้นร้องขอให้บรรดาโรงแรมปิดบริการก่อนถึงพิธี เริ่มตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลย
สายการบินเดลต้าจะไม่อนุญาตให้นักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานต่างๆ ในพื้นที่กรุงวอชิงตัน เข้าเช็กอาวุธปืนเพื่อนำขึ้นเครื่อง ก่อนพิธีสาบานตน จากการเปิดเผยของ เอ็ด บาสเตียน ซีอีโอของทางบริษัทในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.)
“เราทั้งหมดอยู่ในความเฝ้าระวังขั้นสู่บนพื้นฐานต่างๆ ของเหตุการณ์ต่างๆ นานาในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุดในกรุงวอชิงตัน” บาสเตียนบอกกับซีเอ็นบีซี จากนั้นเขาเผยกับรอยเตอร์ในเวลาต่อมาว่า ทางสายการบินขึ้นบัญชีดำห้ามบินบรรดาผู้โดยสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความวุ่นวายก่อนหน้านี้ขึ้นเครื่อง ยกตัวอย่างเช่นบุคคลที่เคยเล่นงาน มิตต์ รอมนีย์ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นตามหลังเหตุบรรดาผผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกจู่โจมอาคารัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และปัญหาความวุ่นวายบนเที่ยวบินและตามสนามบินต่างๆ และมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่เตือนว่าพวกผู้ประท้วงติดอาวุธมีแผนชุมนุมกันในวอชิงตันและ 50 รัฐทั่วประเทศ
ในวอชิงตัน รั้วเหล็กสูงหลายเมตรถูกติดตั้งโดยรอบอาคารรัฐสภา ทอดยาวไปจนถึงศาลสูงสุดสหรัฐฯ และหอสมุดรัฐสภา ถนนใกล้เคียงถูกปิด ภาคธุรกิจบางส่วนบอกว่าจะเริ่มปิดกิจการในสัปดาห์หน้า และสำนักงานขนส่งสาธารณะของเมือง ระบุว่าจะปิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางแห่ง และปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถบัสโดยสาร ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 21 มกราคม
สำนักงานอุทยานแห่งนี้เผยยังไม่ตัดสินใจว่าจะปิดอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ ช่วงจากอาคารรัฐสภาไปยังอนุสรณ์สถานลินคอล์นหรือไม่ หลังจากได้ปิดการเที่ยวชมอนุสาวรีย์วอชิงตันไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนนายกเทศมนตรีมูเรียล บาวเซอร์ ร้องขอให้ผู้มาเยือนอยู่ห่างจากเมือง
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเตือนถึงความเป็นไปได้ของการเกิดเหตรุนแรงลามออกไปนอกเหนือจากกรุงวอชิงตัน โดย ไมค์ เดอไวน์ ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ว่าอาคารรัฐสภาประจำรัฐและสำนักงานต่างๆ ของทางรัฐ ในย่านกลางเมืองโคลัมบัส จะถูกปิดตั้งแต่วันอาทิตย์ (17 ม.ค.) ไปจนถึงวันพุธ (20 ม.ค.)
แมรี แม็กคอร์ด อดีตหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตือนว่าภัยคุกคามอาจล่วงเลยจากวันพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง
“คุณกำลังเห็นความเคลื่อนไหว การวางแผนและภัยคุกคามของพวกหัวรุนแรง ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นผมไม่คิดว่าปัญหานี้จะหายไปพร้อมๆ กับที่ประธานาธิบดีรายนี้ออกจากทำเนียบขาว” แม็กคอร์ดกล่าว
สภาผูู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (13 ม.ค.) ลงมติถอดถอน ทรัมป์ ตามข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่น หลังจากบรรดาผู้สนับสนุนเขาบุกโจมตีและอาละวาดไปทั่วอาคารรัฐสภา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เหตุจลาจลซึ่งเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีรีพับลิกันรายนี้ขึ้นปราศรัยต่อผู้ชุมนุม ตอกย้ำคำกล่าวหาว่า ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เอาชนะเขาในศึกเลือกตั้ง เพราะว่ามีการโกงอย่างกว้างขวาง
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไปแล้วหลายสิบคน ส่วนหนึ่งในการสืบสวนเหตุจู่โจมรัฐสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครตมากกว่า 30 คน ร้องขอให้รักษาการหัวหน้าตำรวจรัฐสภาตรวจสอบบันทึกแขกผู้มาติดต่อ บันทึกภาพวิดีโอ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ทราบว่ามีใครบ้างอยู่ในตัวอาคารในวันนั้น
มิคี เชอร์ริลล ส.ส.จากเดโมแครต ซึ่งกล่าวหารีพับลิกันยุงปลุกปั่นม็อบสนับสนุนทรัมป์ อ้างว่าเธอเห็นบรรดา ส.ส.รีพับลิกันหลายคน ทำตัวเป็นผู้นำกลุ่มต่างๆ ในการทัวร์สอดแนมอาคารรัฐสภา ก่อนเกิดเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 6 มกราคม
(ที่มา : รอยเตอร์)