เอเจนซีส์ - นักประดาน้ำกองทัพเรืออินโดนีเซีย โฟกัสพื้นที่ในวันจันทร์ (11 ม.ค.) เพื่อค้นหากล่องดำของเครื่องบินโดยสารสายการบิน ศรีวิจายา แอร์ ที่ตกเมื่อสองวันก่อนพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 62 คน เพื่อระบุสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยที่แทบไม่เหลือความหวังในการพบผู้รอดชีวิตแล้ว ทางด้านผู้เชี่ยวชาญต่างชาติบางคนตั้งข้อสังเกตว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากโบอิ้ง 737-500 ลำนี้ทะยานขึ้น โดยเครื่องบินไม่ได้เร่งเครื่องถึงระดับที่เหมาะสมสำหรับการบินที่ต่อเนื่อง
เครื่องบินโบอิ้งลำนี้มุ่งหน้าจากกรุงจาการ์ตา สู่เมืองปอนเตียนัค บนเกาะบอร์เนียวที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศราว 740 กิโลเมตร แต่หายไปจากจอเรดาร์หลังทะยานขึ้นจากสนามบินเพียง 4 นาทีและดิ่งจากระดับความสูงเกือบ 3,000 เมตรลงสู่ทะเลชวา
ฟาจาร์ ตรี โรฮาดี โฆษกกองทัพเรืออินโดนีเซีย เผยเมื่อวันจันทร์ (11) ว่า นักประดาน้ำได้ลดพื้นที่การค้นหาโดยมุ่งเน้นตำแหน่งที่สงสัยว่า มีกล่องดำของเครื่องบินอยู่
ขณะ บายู วาร์โดโย นักประดาน้ำกู้ภัย ให้สัมภาษณ์คอมพาส ทีวีว่า พบชิ้นส่วนร่างกายเพิ่มในวันจันทร์ และเสริมว่า ทัศนวิสัยใต้น้ำมองเห็นได้ในระยะเพียง 5-6 เมตรเท่านั้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจของแดนอิเหนาที่ได้รับชิ้นส่วนศพ ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติเหยื่อ 40 ตัวอย่าง และบันทึกทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อช่วยในการระบุอัตลักษณ์
ด้าน ราสมาน เอ็มเอส ผู้อำนวยการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยเปิดเผยว่า ได้ขยายกำลังในการปฏิบัติการโดยเพิ่มเจ้าหน้าที่เป็น 2,600 คน เรือ 53 ลำ รวมทั้งใช้ระบบตรวจการณ์ทางอากาศ
ขณะเดียวกัน นูร์คาโย อูโตโม เจ้าหน้าที่สอบสวนของคณะกรรมาธิการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของอินโดนีเซีย (เคเอ็นเคที) เผยว่า เครื่องบินของศรีวิจายา แอร์อาจยังทำงานอยู่ก่อนที่จะตกกระแทกกับพื้นน้ำ โดยอ้างอิงเศษชิ้นส่วนเครื่องบินจำนวนมากที่กระจัดกระจายใต้น้ำ และเสริมว่า ยังไม่ได้คุยกับผู้บริหารของสายการบินแห่งนี้ แต่ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินและนักบินแล้ว
นักวิเคราะห์การบินเผยว่า ข้อมูลการติดตามเส้นทางบินแสดงให้เห็นว่า เครื่องบินลำนี้ออกนอกเส้นทางที่กำหนดก่อนปักหัวลง โดยสาเหตุที่เป็นไปได้อาจมีทั้งสภาพอากาศเลวร้าย ข้อผิดพลาดของนักบิน ระบบกลไกทำงานขัดข้อง
สตีเฟน ไรต์ ศาสตราจารย์ด้านระบบเครื่องบินของมหาวิทยาลัยเทมเพอราของฟินแลนด์ ระบุว่า มีบางสิ่งเกิดขึ้นหลังจากเครื่องทะยานขึ้น ขณะที่ความเร็วของเครื่องบินต่ำมาก และเครื่องบินไม่ได้เร่งเครื่องถึงระดับที่เหมาะสมสำหรับการบินที่ต่อเนื่อง
จนถึงล่าสุด เจ้าหน้าที่พบกังหันเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนหาง ขอบยาง และทางออกฉุกเฉิน ตลอดจนถึงเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวของผู้โดยสาร โดยเที่ยวบินเอสเจ 182 นี้มีลูกเรือ 12 คน และผู้โดยสาร 50 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 10 คน ทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย
ก่อนหน้านี้เคเอ็นเคทีเผยว่า คณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของอเมริกาและโบอิ้งจะร่วมในการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลานานหลายเดือน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เนื่องจากยังไม่พบเบาะแสใดๆ ที่บ่งชี้ว่า เครื่องบินสูญเสียการควบคุมอย่างรุนแรงหลังทะยานขึ้นจากสนามบิน เจ้าหน้าที่สอบสวนจึงจะต้องพึ่งพิงข้อมูลจากกล่องบันทึกข้อมูลการบินและกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน รวมทั้งศึกษาบันทึกการซ่อมบำรุงและเครื่องยนต์ บัญชีรายชื่อและการฝึกอบรมนักบิน การบันทึกการจราจรทางอากาศ และข้อมูลอื่นๆ
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับโบอิ้ง หลังจากซอฟต์แวร์ที่มีข้อบกพร่องเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบิน 737 แม็กซ์ ตกในอินโดนีเซียและเอธิโอเปีย อย่างไรก็ดี เครื่องบินในอุบัติเหตุล่าสุดนี้เป็นเครื่องบินรุ่นเก่ากว่าและไม่มีซอฟต์แวร์ดังกล่าว ขณะที่ถูกใช้งานมายาวนาน ทำให้มีแนวโน้มต่ำที่การออกแบบเครื่องบินอาจเป็นสาเหตุหลัก