เพื่อนของอดีตทหารหญิงที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเหตุจลาจลในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) ประณามการตายของเธอว่าเป็น “การประหาร” แต่เผยว่าสตรีจากแคลิฟอร์เนียนี้ปักใจเชื่อว่าเหตุผลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีค่าพอสำหรับยอมสละชีวิต ในขณะที่ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 คน สังเวยเหตุการณ์มืดมิดที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของอเมริกา
แอชลี แบบบิตต์ วัย 35 ปี ถูกยิงตำรวจรัฐสภายิงเข้าบริเวณหน้าอก ระหว่างเธอพยายามปีนผ่านบานกระจกหน้าต่างที่แตกได้รับความเสียหาย ข้างๆ ประตูบานคู่ที่ถูกปิดกั้นภายในอาคารรัฐสภา ส่วนหนึ่งในความพยายามของฝูงม็อบที่ต้องการฝ่าเข้าในห้องประชุม
แจ็ก ฟีลีย์ นายทหารประจำกองทัพอากาศที่เคยร่วมงานกับ แบบบิตต์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซัน ให้คำจำกัดความกับเพื่อนรายนี้ว่าเป็นอเมริกันชนตัวจริง “เธออาจวางปืนไรเฟิลไปแล้ว แต่เธอยังคงมีความตั้งใจอุทิศชีวิตของเธอเพื่อประเทศชาติ และเพื่อสิ่งที่เธอเชื่ออย่างหนักแน่น” ฟีลีย์กล่าว “ผมแน่ใจว่าความกราดเกรี้ยวของเธอสงบลงโดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนใดๆ มันคือการประหารชีวิต”
หนึ่งวันก่อนเสียชีวิต แบบบิตต์ ซึ่งแต่งงานแล้ว เขียนบทวิตเตอร์ว่า “ไม่มีอะไรจะหยุดเราได้” พร้อมประกาศว่า “พายุ” จะถาโถมเข้าใส่วอชิงตันใน 24 ชั่วโมง สื่อมวลชนรายงานว่าในวันต่อมา เธอได้ถ่ายทอดสดทางออนไลน์ ตอนที่เดินขบวนจากเวทีชุมนุมไปยังอาคารรัฐสภา อ้างว่ามีผูู้เข้าร่วมมากกว่า 3 ล้านคน “มันน่าอัศจรรย์มากที่ได้มาดูประธานาธิบดีปราศรัย” แบบบิตต์ กล่าวระหว่างเดินขบวน
ฟีลีย์ เล่าว่า แบบบิตต์หลงใหลในตัวของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอย่างมาก และต้องการเห็นคอร์รัปชันและสิ่งแย่ๆทั้งหลายถูกกำจัดให้หมดไป ไล่ตั้งแต่ในแวดวงระดับสูงของรัฐบาล ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ประจำเมืองท้องถิ่นของเธอ พร้อมระบุว่าเธอเป็นวีรสตรี “ไม่ใช่ก่อการร้ายหรือนาซี”
พวกผู้สนับสนุนยกย่อง แบบบิตต์ ในฐานะผู้เสียสละ และมีแผนรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์วอชิงตันในวันเสาร์ (9 ม.ค.) เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของเธอ ทั้งนี้แม้ว่าเพื่อนๆ ให้คำจำกัดความเธอว่าผู้รักชาติ แต่ความเคลื่อนไหวของเธอบนสื่อสังคมออนไลน์และบันทึกต่างๆ ล้วนแต่แสดงความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวประธานาธิบดีทรัมป์
แบบบิตต์ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 5 คนในเหตุจลาจลรุนแรงดังกล่าว โดยในนั้นได้แก่ ไบรอัน ซิคนิค เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภา ที่ได้รับบาดเจ็บถูกตีด้วยถังดับเพลิง ระหว่างปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา และเวลานี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเหตุเสียชีวิตของ ซิคนิค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซิคนิค ทนายผ่านศึกสงครามอิรัก เสียชีวิตในโรงพยาบาลเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) หลังตะลุมบอนกับพวกก่อจลาจลฝักใฝ่ทรัมป์ ที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาในวันพุธ (6 ม.ค.) เพื่อขัดขวางสภาคองเกรสไม่ให้รับรองชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน
ถ้อยแถลงของตำรวจรัฐสภาบอกว่าการตายของซิคนิคจะถูกสืบสวนโดยแผนกอาชญากรรมของกรมตำรวจนครบาลวอชิงตัน ขณะที่ทาง เจฟเฟรย์ โรเซน รักษาการอัยการสูงสุดระบุในวันศุกร์ (8 ม.ค.) เอฟบีไอจะเข้ามาช่วยเหลือการสืบสวนในครั้งนี้ด้วย
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์)