พบชาวเน็ตแห่อุดหนุนซอสเอ็กซ์โอร้านอาหารทะเลย่านวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ หลังเห็นข้อความประกาศปิดร้านเพราะโควิด และเจ้าหน้าที่คอร์รัปชัน ถูกแชร์มากกว่า 4 พันครั้ง เจ้าของร้านระบุ “ตราบใดยังขายซอสได้ พนักงานของร้านที่ยังอยู่กับเราจะไม่ตกงาน”
จากกรณีที่เฟซบุ๊ก King Seafood ของร้านอาหารทะเล KING SEAFOOD ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการวอล์กกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โพสต์ข้อความเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ม.ค.) ระบุว่า “ประกาศปิดร้านเพราะโควิด และเพราะเจ้าหน้าที่คอร์รัปชัน” โดยระบุว่า “เรียนลูกค้าที่รักทุกท่านครับ ประกาศปิดร้านจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทางเราขอยอมแพ้แล้วครับ เราสู้ไม่ไหวแล้ว
เอาจริงๆ ตั้งแต่กลับมาเปิดได้เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เราก็แบกภาระขาดทุนมาโดยตลอด แต่ช่วงนั้นเรามีความหวังที่ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังเอาไว้ รอบนี้เราหมดแล้วจริงๆ ทั้งกำลังกายและกำลังใจ
เจ็บที่หนึ่ง หากคนในพื้นที่พัทยายังพอจำได้ ในช่วงของการล็อกดาวน์ครั้งแรกนั้น ร้านเราทำอาหารกล่องแจกพื่น้องคนพัทยา ยาวนานถึงสองเดือน แจกไปไม่ต่ำกว่า 30,000 กล่อง ช่วงนั้นเราได้รับเสียงชื่นชมและสรรเสริญจากหลายๆ ฝ่าย หลายคนบอกกับเราว่ากลับมาเปิดจะมาอุดหนุน อยากสนับสนุนธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม
แต่สุดท้ายแล้วคนที่เคยสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเราอุดหนุนเราก็ไม่เคยมา ด้วยหลายเหตุหลายปัจจัย บางคนอ้างว่าไม่มีที่จอดรถ บางคนไม่อยากมาในพื้นที่อบายมุขอย่างถนน Walking Street บางคนบอกว่าเราขายแพงกว่าร้านข้างนอกเมือง แต่เราก็อดทน ทำทุกอย่างปรับปรุงทุกอย่างตามสภาพและกำลังที่เราจะทำได้
เจ็บที่สอง ความผิดรอบนี้มาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะกรณีแรงงานข้ามชาติ หรือกรณีบ่อน แต่รัฐกลับโยนความรับผิดชอบและภาระมาให้ภาคเอกชน คำสั่งปิดก่อนวันปีใหม่สร้างความเสียหายแก่เรามาก ลูกค้ายกเลิกการจองทั้งหมด หากมีการจัดงานปีใหม่ตามปกติ เราคงมีกำลังใจและทุนที่จะสู้ต่อ แต่ความเสียหายระดับนั้น ณ เวลานี้มันทำให้เราไม่มีทางเลือกนอกจากปิดร้าน โดยทางรัฐก็ไม่เคยมีแผนการเยียวยาผู้ประกอบการและพนักงานที่จะได้รับผลกะทบใดๆ เลย
เหนื่อยแล้วครับ ท้อแล้ว อยู่บ้านนี้เมืองนี้ ทำถูกต้อง ทำดีเสียสละ ไม่เคยได้ดี รอบนี้ไม่ขอกำลังใจจากคำว่า “สู้ๆ” แล้วนะครับ เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาเราสู้มาทุกรูปแบบแล้ว เราทำเต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรที่เราเสียใจว่าเรายังทำได้ไม่ดีพอ วันนี้เราขอก้มหน้ารับชะตากรรม เป็นผู้แพ้แบบหมดทางสู้
ตอนนี้บอกตรงๆ ครับยังคิดไม่ออกว่าอนาคตจะไปทางไหน แต่ ณ เวลานี้ ขอปิดร้านจนกว่าจะมีอะไรดีขึ้นครับ ขอขอบคุณทุกกำลังใจในรอบปีที่ผ่านมาครับ ถึงจะน้อยนิด แต่เราจะไม่มีวันลืมลูกค้าทุกๆ ท่านที่อุดหนุนเราในยามที่เราลำบาก
ป.ล. สำหรับลุกค้าท่านใดที่ยังอยากจะช่วยอุดหนุน สั่งซอส XO จากเรา เรายังมีขายครับ เราก็หวังว่าการล็อกดาวน์รอบนี้จะยังพอมีลูกค้าสั่งซอส พอที่จะให้เรารักษาพนักงานไว้บางส่วนได้”
ปรากฏว่าหลังจากที่ข้อความนี้ปรากฏออกไป นอกจากจะมีผู้ที่แชร์ข้อความดังกล่าวมากกว่า 4,000 ครั้งแล้ว ยังมีชาวเน็ตช่วยเหลือทางร้านโดยการอุดหนุนซอสเอ็กซ์โอ (XO) หรือซอสปรุงอาหารจีน ที่ทางร้านผลิตและจำหน่ายอย่างล้นหลาม กระทั่งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เฟซบุ๊กทางร้านโพสต์ข้อความระบุว่า “ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้เราในวันนี้ ขอขอบคุณทุกท่านทำให้เรากลับมายืนด้วยลำแข้งของตนเองได้
ผมในฐานะตัวแทนเจ้าของร้าน ขอกราบขอบพระคุณทุกกำลังใจที่มอบให้กับเรา ตราบใดยังขายซอสได้ พนักงานของร้านที่ยังอยู่กับเราจะไม่ตกงาน ขอขอบคุณที่ท่านได้ยื่นมือมาช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนในตัวเรา ในวันที่เราล้ม เราจะสู้ต่อ เราจะขอมอบความอร่อย และอาหารดีๆ ให้คนไทย ได้สู้กับภัยโควิดอย่างเต็มที่
วันนี้สินค้าส่งออกไปเกือบหมดแล้วครับ แต่เนื่องจากเมื่อวานบริษัทส่งสินค้าเอกชนเจ้าที่เราใช้งานประจำในพัทยาปฏิเสธการส่งสินค้าให้กับเรา โดยอ้างว่ามีจำนวนมากเกินไป ทำไม่ทัน เราเลยต้องแก้ปัญหากันด้วยการไปรับสินค้าคืนและขับรถเข้าไปส่งเองที่ กทม. เมื่อเช้านี้ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว โดยเราหวังว่าลูกค้าจาก กทม. จะได้สินค้าอย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้
ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียมามากพอแล้ว และสิ่งสุดท้ายที่เราไม่ยอมเสีย คือ ความรู้สึกดีๆ ที่ทุกๆ ท่านมอบให้กับเรา”
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นางเปรมฤดี จิตติวุฒิการ อายุ 67 ปี เจ้าของร้าน KING SEAFOOD ให้สัมภาษณ์กับศูนย์ข่าวศรีราชา เครือผู้จัดการ-นิวส์วัน ระบุว่า ผู้โพสต์ข้อความเป็นบุตรชายของตนเองที่อัดอั้นตันใจจากผลกระทบที่เกิดขึ้น และไม่สามารถสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว โดยทางร้านจะปิดไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
อ่านประกอบ : สุดท้อ! เจ้าของร้านอาหารทะเลเมืองพัทยา ประกาศปิดร้านยาวหลังเจอคำสั่งล็อกดาวน์รอบ 2