xs
xsm
sm
md
lg

สุดท้อ! เจ้าของร้านอาหารทะเลเมืองพัทยา ประกาศปิดร้านยาวหลังเจอคำสั่งล็อกดาวน์รอบ 2

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดท้อ! เจ้าของร้านอาหารทะเลเมืองพัทยา ประกาศปิดร้านยาวหลังเจอคำสั่งล็อกดาวน์รอบ 2 โอดสถานการณ์ระบาดครั้งใหม่เกิดจากการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งปัญหาบ่อน ลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่สุดท้ายรัฐกลับไม่แก้ปัญหาแต่กลับโยนภาระให้เอกชน

ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรี และ สบค.ได้ อนุมัติให้มีการล็อกดาวน์ 5 จังหวัดที่มีตัวเลขการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนมาก และยังเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ประกอบด้วย สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ตามขอเสนอของ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งข้ออนุมัติดังกล่าวจะทำให้พื้นที่ 5 จังหวัดจำเป็นต้องงดการเดินทางเข้าออก และจะอนุญาตให้ผู้ที่สามารถเดินทางเข้าออกพื้นที่ได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

โดยคำประกาศการล็อกดาวน์ 5 จังหวัดที่มีตัวเลขการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนมาก ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากรัฐบาลไม่เลือกใช้วิธีนี้ก็อาจทำให้เชื้อแพร่ระบาดไปไกลในทุกจังหวัด และอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางเปรมฤดี จิตติวุฒิการ อายุ 67 ปี เจ้าของร้าน KING SEAFOOD ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการวอล์กกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการโพสต์ข้อความประกาศปิดร้านลงในเพจเฟซบุ๊กของร้าน พร้อมระบุว่า การประกาศปิดร้านเป็นเพราะผลกระทบจากพิษโควิด-19 และเจ้าหน้าที่รัฐที่คอร์รัปชัน Close due to Covid and Corrupt government


นางเปรมฤดี บอกว่า ผู้โพสต์ข้อความเป็นบุตรชายของตนเองที่อัดอั้นตันใจจากผลกระทบที่เกิดขึ้นและไม่สามารถสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว โดยทางร้านจะปิดไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

“เราสู้ไม่ไหวแล้ว เอาจริงๆ ตั้งแต่กลับมาเปิดร้านได้เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิด-19 รอบแรกคลี่คลายเราก็แบกภาระขาดทุนมาโดยตลอด แต่ช่วงนั้นเรามีความหวังที่ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง รอบนี้เราหมดแล้วจริงๆ ทั้งกำลังกายและกำลังใจ”

เจ้าของร้าน KING SEAFOOD ยังบอกอีกว่า การประกาศล็อกดาวน์รอบแรกทางร้านยังมีความสามารถในการทำอาหารกล่องแจกจ่ายให้แก่ชาวพัทยาที่ได้รับความเดือดร้อนนานถึง 2 เดือน รวมจำนวนข้าวกล่องไม่ต่ำกว่า 30,000 กล่อง ซึ่งในช่วงนั้นทำให้ได้รับเสียงชื่นชมและหลายคนบอกมาว่าเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติจะกลับมาอุดหนุน และต้องการสนับสนุนธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม แต่สุดท้ายแล้วคนที่เคยสัญญาว่าจะมาเยี่ยมมาอุดหนุนก็ไม่เคยมา

ด้วยหลายเหตุหลายปัจจัยบางคนอ้างว่าไม่มีที่จอดรถ บางคนไม่อยากมาในพื้นที่อบายมุขอย่างถนนวอล์กกิ้ง สตรีท บางคนบอกว่าทางร้านขายแพงกว่าร้านข้างนอกเมือง จึงทำได้แต่อดทนทำทุกอย่างปรับปรุงทุกอย่างตามสภาพและกำลังที่เราจะทำได้

“แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในระลอกที่ 2 เกิดจากปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลักลอบนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาในประเทศ หรือกรณีบ่อนพนัน ซึ่งรัฐกับโยนความรับผิดชอบและภาระมาให้ภาคเอกชน และยังมีคำสั่งปิดพื้นที่ก่อนวันปีใหม่ที่ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ลูกค้ายกเลิกการจองทั้งหมด ณ เวลานี้มันทำให้เราไม่มีทางเลือกนอกจากปิดร้าน เพราะภาครัฐก็ไม่เคยมีแผนการเยียวยาผู้ประกอบการและพนักงานที่จะได้รับผลกระทบใดๆ” เจ้าของร้าน KING SEAFOOD กล่าว




บางละมุงตั้งจุดสกัดเข้มตั้งแต่เช้าตรู่ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว

ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ (5 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อชลบุรี ได้มีคำสั่งให้ อ.บางละมุง ยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น โดยบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับ สภ.บางละมุง และสาธารณสุขอำเภอบางละมุง ฝ่ายกิจการพิเศษ เมืองพัทยา รวมทั้งจิตอาสาตั้งด่านตรวจคัดกรอง จำนวน 2 จุด บนเส้นทางสำคัญคือ บริเวณริมถนนสุขุมวิท หน้าที่ว่าการอำเภอบางละมุง และหน้าสนามพีระเซอร์กิต ถ.สาย 36 กระทิงราย-ระยอง เป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น. และ 16.30-18.30 น.

โดยยืนยันว่าการตั้งด่านครั้งนี้ยังไม่ใช่การล็อกดาวน์พื้นที่ แต่เป็นเพียงการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ และรณรงค์ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา


ขณะที่ นายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จึงมีหนังสือสั่งการให้ทุกอำเภอตั้งด่านคัดกรองเข้มข้น เพื่อควบคุมและตรวจคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยเน้นเข้มงวดกวดขันรถตู้และรถกระบะที่บรรทุกแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก และหากเป็นรถโดยสารส่วนบุคคลจะเน้นไปที่รถทะเบียนต่างจังหวัดซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางเคลื่อนย้าย

ส่วนที่หน้าสนามพีระเซอร์กิต ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างชลบุรี-ระยอง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความแข็งขัน เน้นการตรวจสอบรถทุกคันและตรวจเข้มตรวจอุณหภูมิร่างกาย โดยเฉพาะรถเมล์และรถโดยสารสาธารณะ


กำลังโหลดความคิดเห็น