วัคซีนโควิด-19 ของชิโนวัค ไบโอเท็ค ผู้ผลิตสัญชาติจีน สำแดงประสิทธิภาพในการทดลองขั้นสุดทายในบราซิล ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ในวันจันทร์ (21 ธ.ค.) ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปได้ไฟเขียวใช้วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปิดทางสำหรับเริ่มฉีดวัคซีนทั่วรัฐสมาชิก ไม่กี่วันหลังผ่านพ้นคริสต์มาส พร้อมเชื่อมั่นว่ามันจะสามารถต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรได้ด้วย
ความคืบหน้าครั้งนี้ ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่การทดลองขั้นสุดท้ายวัคซีนของชิโนวัค “CoronaVac (โคโรนาวัค)” เสร็จสมบูรณ์ ในขณะที่วัคซีนตัวนี้อยู่ระหว่างการทดลองในอินโดนีเซียและตุรกีเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลเพิ่งเปิดเผยว่า ว่าที่วัคซีนของชิโนวัคและแอสตราเซเนกา อาจพร้อมใช้งานในบราซิลในช่วงกลางเดือนธันวาคม
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ผลการทดลองขั้นสุดท้ายในบราซิล พบว่าวัคซีนโคโรนาวัคมีประสิทธิภาพเหนือกว่า 50% ที่ทางพวกนักวิทยาศาสตร์นานาชาติมองว่ามีความจำเป็นสำหรับปกป้องผู้คนจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า สถาบันบูตันตัน ของรัฐเซาเปาลู ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการทดลองวัคซีนโคโรนาวัคซีนขั้นสุดท้ายในบราซิลจะมีการแถลงอัตราประสิทธิภาพของโคโรวัคอย่างเป็นทางการในวันพุธ (23 ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันบูตันตัน และชิโนวัค ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
อีกด้านหนึ่งทางสหภาพยุโรปให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับวัคซีนโคโรนาไวรัสของไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทคในวันจันทร์ (21 ธ.ค.) เปิดทางสำหรับเริ่มโครงการฉีดวัคซีนทั่ว 27 ชาติสมาชิก ไม่กี่วันหลังเทศกาลคริสต์มาส
การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางแรงกดดันจากรัรฐบาลต่างๆ ทั่วยุโรป หลังจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ได้ไฟเขียววัคซีนตัวดังกล่าวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) มีคำแนะนำให้ใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และไบโอเอ็นเทค แห่งเยอรมนี และทางคณะกรรมาธิการยุโรป ให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
ทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป บอกด้วยว่าวัคซีนตัวดังกล่าว “มีความเป็นไปได้อย่างมาก” ที่จะมีประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วสหราชอาณาจักร
อัวร์ซูลา แกร์ทรูท ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่าการฉีดวัคซีนทั่วอียูจะเริ่มขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม พร้อมระบุว่าวัคซีนคือ “เรื่องราวแห่งความสำเร็จที่แท้จริงของยุโรป” เธอกล่าวในบรัสเซลส์ “มันคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะยุติปีแห่งความยากลำบาก และในที่สุดก็เป็นจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนของโควิด-19”
เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนีบอกว่าการตัดสินใจดังกล่าว เปิดทางสำหรับ “การหลุดพ้นจากถนนแห่งวิกฤต” ส่วน โรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีศาธารณสุขของอิตาลีระบุว่า การตัดสินใจขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป คือข่าวที่เฝ้ารอมานาน
องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ซึ่งมีสำนักงานในอัมสเตอร์ดัม ร่นการตัดสินใจเร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 29 ธันวาคม ภายใต้แรงกดดันจากรัฐบาลชาติต่างๆ ของอียู โดยเฉพาะจากเยอรมนี
“มันคือก้าวย่างแห่งความคืบหน้าที่สำคัญอย่างมากในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ ที่ก่อความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส” ประธานขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป กล่าวระหว่างแถลงข่าวทางออนไลน์ แจ้งข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจแนะนำให้ใช้วัคซีน “นี่คือความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ครั้งประวัติศาสตร์ ภายในเวลาไม่ถึงปี วัคซีนตัวหนึ่งได้รับการพัฒนาและอนุมัติสำหรับต่อสู้กับโรคร้ายนี้”
ความเร่งด่วนเกี่ยวกับการอนุมัติวัคซีนมีมากขึ้น ท่ามกลางข่าวคราวการพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ ที่ระบาดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 70% กำลังแพร่ระบาดอยู่ในสหราชอาณาจักร กระตุ้นให้หลายประเทศทั่วโลกระงับเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปเชื่อว่าวัคซีนของไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทคจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์
(ที่มา : รอยเตอร์)